การพัฒนาทรัพยากรบุคคลและแนวปฏิบัติที่ดีด้านแรงงาน

ที่ AWC ตระหนักถึงความสำคัญของพนักงานในการขับเคลื่อนธุรกิจขององค์กรให้ประสบความสำเร็จ การดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถ การรักษาบุคลากร และการพัฒนาบุคลากร มีความสำคัญต่อความสำเร็จของบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสร้างความสามารถขององค์กรเพื่อประสิทธิภาพขององค์กรและการเติบโตอย่างยั่งยืน

AWC มุ่งมั่นที่จะพัฒนาศักยภาพและสร้างพลังให้แก่พนักงานทุกคน ผ่านการส่งเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาความรู้ความสามารถของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพให้เป็นที่ยอมรับ อีกทั้งยังให้รางวัลแก่พนักงานเพื่อเป็นสร้างแรงจูงใจ บริษัทให้ความสำคัญกับการรับฟังพนักงานทุกคน เพราะเราเชื่อว่าการลงทุนไปกับบุคลากรของเราไม่เพียงเพื่อการเติบโตของ AWC เท่านั้น แต่ยังปลูกฝังพลเมืองที่มีคุณธรรมซึ่งสามารถมีส่วนร่วมต่อสังคมผ่านค่านิยมของ AWC การคิดแบบองค์รวมและบูรณาการ ความรู้ และสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืน

ผลงานที่สำคัญในปี 2566

ปรับปรุงนโยบายด้านทรัพยากรบุคคล ในเรื่องการเติบโตในสายงานของพนักงาน (Career Enhancement Program)

พัฒนาภาวะผู้นำตาม Leadership DNA (Leadership DNA Development)

ออกแบบโมเดลสมรรถนะสำหรับ แต่ละตำแหน่งงาน (Role based Competency) เพื่อใช้ในการสรรหา และพัฒนาบุคลากร

ร้อยละ 72 ของตำแหน่งสำคัญ มีผู้สืบทอดจากภายใน ผู้สืบทอดตำแหน่ง คือพนักงานที่มีศักยภาพสูงสามารถรับช่วงตำแหน่งสำคัญในบริษัท

พนักงานได้เรียนรู้ และพัฒนาความรู้และทักษะ 79 ชั่วโมงต่อคนต่อปี

พนักงานทุกคนในทุกสาขา ได้รับการพัฒนา ในเรื่อง “Property Service Excellence”

AWC มุ่งหมายในการเป็นที่หนึ่งในกลุ่มธุรกิจเดียวกันที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นองค์กรที่น่าชื่นชม และมีความพร้อมในการดึงดูดผู้ที่มีความสามารถในทุกระดับโดยเน้นความเท่าเทียมกันทางเพศ เพื่อเข้ามาร่วมงานกับบริษัท

การสร้างคุณค่าให้แก่พนักงานของ AWC ด้วยการสร้างคน สร้างแบรนด์

สร้างสรรค์อนาคนที่ดีกว่า

AWC เชื่อมั่นในการพัฒนาศักยภาพของการสร้างสรรค์ในด้านนวัตกรรม การร่วมมือกันของพนักงานและพันธมิตรทางธุรกิจทุกภาคส่วน สามารถสร้างผลกระทบที่มีความหมายและมูลค่าระยะยาวที่ยั่งยืนสำหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่อนาคตที่สดใสและยั่งยืนกว่าเดิม ซึ่งขับเคลื่อนด้วยความสามารถที่ไม่เหมือนใคร ไร้ขีดจำกัด และการมีส่วนร่วมที่โดดเด่นเป็นรากฐานความสำเร็จ

สร้างจุดหมายระดับโลก

AWC ไม่ใช่แค่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ – AWC คือสถาปนิกแห่งประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครและน่าจดจำ ด้วยความมุ่งมั่นในความเป็นเลิศด้าน นวัตกรรม และการสร้างชุมชนที่ดีขึ้น เราสร้างจุดหมายและแลนด์มาร์คที่โดดเด่นซึ่งดึงดูดใจแขกเพื่อเดินทางไปยังเส้นทางเพื่อกำหนดนิยามการใช้ชีวิตสมัยใหม่ การทำงาน และการเติบโตภายในสภาพแวดล้อมที่ดี ก้าวเข้าสู่ขอบเขตที่ทุกการสร้างสรรค์บอกเล่าเรื่องราวแห่งแรงบันดาลใจและความเป็นเอกลักษณ์

สร้างการเติบโตในอาชีพ

AWC เสริมพลังให้พนักงานของเราเพื่อมุ่งสู่การพัฒนาในสายอาชีพของพวกเขา ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้นเส้นทางอาชีพของคุณหรือพร้อมที่จะก้าวไปสู่ขั้นต่อไป AWC มุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตที่ดีกว่าสำหรับพนักงานทุกคน เราทุ่มเทและเดินหน้าพัฒนาพนักงานให้เป็นคนที่มีความสามารถสูงและสามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่ามีประสิทธิภาพมากที่สุด สามารถจุดประกายการเติบโตในอาชีพอย่างต่อเนื่องและสร้างโอกาสอาชีพที่ไร้ขีดจำกัด

สร้างความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ

AWC มุ่นมั่นในการสร้างผลกระทบที่มีความสำคัญ เราสนับสนุนการยอมรับความสำเร็จที่โดดเด่น ที่ AWC เราใช้แบบจำลองการจัดการประสิทธิภาพที่ไม่เหมือนใครร่วมกับโปรแกรมการให้รางวัลพนักงานที่เชื่อมโยงกับความสำเร็จด้านประสิทธิภาพ ความพยายามและความทุ่มเทอย่างไม่หยุดยั้งของพนักงานที่มีผลลัพธ์และผลกระทบที่ได้รับการยอมรับ และชื่นชมความสำเร็จของพนักงานทุกคน

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับ AWC

ร่วมเดินทางกับ AWC ในเส้นทางที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและแรงบันดาลใจ ซึ่งความสุข การร่วมมือกัน และความสำเร็จร่วมกันกำหนดเส้นทางของเรา เราเชื่อว่าสถานที่ทำงานที่มีความสุขสามารถส่งเสริมผลิตภาพ สร้างคุณค่า และการสนับสนุนสมาชิกทุกคนในทีมของเรา ที่ AWC เรามากกว่าเพื่อนร่วมงาน เราเป็นครอบครัวที่ขับเคลื่อนด้วยจุดประสงค์และเป้าหมายร่วมกัน มาสนุกและเพลิดเพลินกันเพื่อเดินทางไปสู่จุดหมายของการสร้างอนาคตที่ดีกว่า

โปรแกรมพัฒนาศักยภาพพนักงานที่สำคัญในปี 2566

โปรแกรมที่ 1 : Data Analytics Bootcamp 2023 Program

Data Analytics Bootcamp 2023 Program เป็นโปรแกรมฝึกอบรมที่ออกแบบมาเพื่อมอบความรู้พื้นฐานที่ครอบคลุมเกี่ยวกับการวิเคราะห์ข้อมูลให้กับผู้เข้าร่วมหลักสูตรเชิงปฏิบัตินี้ครอบคลุมแนวคิด เครื่องมือ และเทคนิคที่สำคัญเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมวิเคราะห์และตีความข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อการตัดสินใจเชิงข้อมูลผ่านการผสมผสานระหว่างทฤษฎี การฝึกปฏิบัติ ที่มีกรณีจากการใช้งานจริง ผู้เข้าร่วมจะได้รับทักษะและความรู้ที่จำเป็นเพื่อประสบความสำเร็จในวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว

ประโยชน์สำหรับผู้เข้าร่วม:

  1. ประสิทธิภาพองค์กรที่เพิ่มขึ้น: โปรแกรม Data Analytics Bootcamp 2023 ช่วยให้ผู้เข้าร่วมมีทักษะในการวิเคราะห์และตีความข้อมูลที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถช่วยให้พวกเขาปรับปรุงการดำเนินงาน เพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการตัดสินใจ และขับเคลื่อนประสิทธิภาพโดยรวมขององค์กร
  2. มุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศทางธุรกิจ: ผู้เข้าร่วมจะสามารถมีส่วนร่วมในการบรรลุมาตรฐานที่สูงขึ้นและใช้ข้อมูลเชิงลึก จากการใช้เทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง เพื่อนำมาปรับปรุงกระบวนการ เพิ่มคุณภาพ และนำแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดมาใช้เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน
  3. การพัฒนากำลังแรงงานเชิงกลยุทธ์: โปรแกรม Data Analytics Bootcamp 2023 เป็นการจัดทำจากแนวทักษะของผู้เข้าร่วมให้สอดคล้องกับเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ขององค์กร ส่งเสริมความเชี่ยวชาญในการใช้ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจในการวางแผนเชิงกลยุทธ์ การจัดแนวนี้ทำให้มั่นใจว่าพนักงานมีอุปกรณ์ครบครัน และพร้อมรับมือกับความท้าทายทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงและมีส่วนร่วมกับความสำเร็จระยะยาวขององค์กร
  4. ผลตอบแทนด้านประสิทธิภาพระยะสั้น: ผู้เข้าร่วมจะสามารถนำทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลใหม่ของตนไปใช้เพื่อปรับปรุงการดำเนินงานทางธุรกิจได้ทันที เช่น การปรับปรุงการจัดสรรทรัพยากร การปรับปรุงกลยุทธ์การตลาด หรือการปรับปรุงการคาดการณ์ทางการเงิน ซึ่งนำไปสู่ผลตอบแทนระยะสั้นที่เห็นได้ชัดในประสิทธิภาพทางธุรกิจ
  5. ผลกระทบเชิงกลยุทธ์ระยะยาว: โปรแกรม Data Analytics Bootcamp 2023 เป็นการเตรียมผู้เข้าร่วมให้มีส่วนร่วมกับเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ระยะยาวโดยฝังการคิดเชิงข้อมูลไว้ในวัฒนธรรมขององค์กร การมุ่งเน้นการวิเคราะห์อย่างต่อเนื่องนี้จะสนับสนุนการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง นวัตกรรม และความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาด

ประโยชน์สำหรับองค์กร:

  1. ประสิทธิภาพองค์กรที่เพิ่มขึ้น: โปรแกรม Data Analytics Bootcamp 2023 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กรโดยเสริมพลังให้พนักงานมีความสามารถในการสร้างข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำไปใช้ได้ นำไปสู่การตัดสินใจที่รอบรู้มากขึ้น พัฒนากระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นทั้งองค์กร
  2. ขับเคลื่อนสู่ความเป็นเลิศทางธุรกิจ: ด้วยความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง องค์กรสามารถบรรลุความเป็นเลิศทางธุรกิจผ่านกลยุทธ์ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล พนักงานจะสามารถระบุพื้นที่สำหรับการปรับปรุง นำการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพมาใช้ และรักษามาตรฐานคุณภาพการดำเนินงานที่สูง
  3. การจัดแนวกำลังแรงงานเชิงกลยุทธ์: โปรแกรม Data Analytics Bootcamp 2023 ช่วยให้มั่นใจว่ากำลังแรงงานสอดคล้องกับวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ขององค์กรโดยพัฒนาทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลของพนักงาน การจัดแนวเชิงกลยุทธ์นี้เพิ่มความสามารถขององค์กรในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดและความท้าทายในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  4. การปรับปรุงประสิทธิภาพทันที: การประยุกต์ใช้ทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลที่เพิ่งได้รับมาจะนำไปสู่การปรับปรุงประสิทธิภาพระยะสั้น เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน แคมเปญการตลาดที่มุ่งเป้าหมายได้ดีขึ้น และการคาดการณ์ทางการเงินที่แม่นยำยิ่งขึ้น ส่งผลให้เกิดประโยชน์ทางธุรกิจที่จับต้องได้
  5. ความสำเร็จระยะยาวที่ยั่งยืน: การลงทุนในการฝึกอบรมการวิเคราะห์ข้อมูลสนับสนุนความยั่งยืนระยะยาวขององค์กรโดยส่งเสริมวัฒนธรรมการตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ซึ่งนำไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง และตำแหน่งทางการแข่งขันที่แข็งแกร่งซึ่งขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน

มีพนักงาน 38 คน หรือคิดเป็น 0.59% ของ จำนวนพนักงานเทียบเท่าทำงานเต็มเวลา(FTEs) เข้าร่วมโปรแกรม Data Analytics Bootcamp ปี 2566 ซึ่งแบ่งออกเป็น 8 กลุ่ม

โปรแกรมนี้เป็นส่วนหนึ่งในการแสดงให้เห็นถึงผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อประสิทธิภาพทางธุรกิจ โดยมีส่วนทำให้รายได้เพิ่มขึ้น 30.91% เมื่อเทียบกับปี 2565

โปรแกรมที่ 2 : Leader as Coach 2023 Program

  1. Leader as Coach 2023 Program มุ่งเน้นในการสร้างความเป็นผู้นำด้วยทักษะและเทคนิคการโค้ชพื้นฐานเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการเป็นผู้นำและส่งเสริมประสิทธิภาพภายในทีมหรือองค์กร โดยประกอบด้วย 2 หลักสูตร ได้แก่ 1.) Essential Leadership Coaching for High Performance 2.) Enhanced Leadership Coaching with Innovative Tools
  2. หลักสูตรที่ 1: Essential Leadership Coaching for High Performance มุ่งเน้นในการช่วยพัฒนาความคิดแบบโค้ชในฐานะผู้นำที่เชื่อมั่นในการนำศักยภาพสูงสุดของสมาชิกทีมออกมา ส่งเสริมการเติบโต และสนับสนุนการรู้จักตนเองและความรับผิดชอบ เพื่อบรรลุเป้าหมายขององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ
  3. หลักสูตรที่ 2: Enhanced Leadership Coaching with Innovative Tools หลักสูตรนี้สร้างขึ้นจากทักษะพื้นฐานที่แนะนำจากหลักสูตรที่ 1 และมุ่งเน้นการสร้างความเป็นผู้นำให้ผู้เข้าร่วมด้วยเทคนิคและเครื่องมือในการโค้ชขั้นสูงเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการเป็นผู้นำที่สามารถนำทีมให้บรรลุตามเป้าหมายของบริษัทได้ต่อไป

ประโยชน์สำหรับผู้เข้าร่วม:

  1. ประสิทธิภาพการเป็นผู้นำที่เพิ่มขึ้น: ผู้นำจะพัฒนาแนวทางการเป็นผู้นำที่ให้การสนับสนุนและเสริมพลัง ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพนักงาน แรงจูงใจ และประสิทธิภาพโดยรวมของทีม
  2. การสื่อสารและการทำงานร่วมกันที่ดีขึ้น: ได้รับทักษะในการฟังอย่างตั้งใจและการให้ข้อเสนอแนะที่มีประสิทธิภาพส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นระหว่างสมาชิกในทีมและสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ร่วมมือกันมากขึ้น
  3. การจัดแนวเป้าหมายและความรับผิดชอบ: ผู้นำจะสามารถกำหนดเป้าหมายของทีมให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ขององค์กร เพิ่มการมุ่งเน้นและความรับผิดชอบ และขับเคลื่อนความก้าวหน้าไปสู่ลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์
  4. การพัฒนาทักษะ: ทักษะการโค้ชจะช่วยให้ผู้นำระบุและพัฒนาความสามารถ สนับสนุนการพัฒนาพนักงานและการเติบโตในอาชีพและสายงานของแต่ละบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  5. ความสามารถในการปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลง: ผู้นำจะสามารถให้คำแนะนำทีมผ่านการเปลี่ยนแปลง ส่งเสริมความยืดหยุ่นและความคิดแบบเติบโตเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสภาพธุรกิจที่เปลี่ยนแปลง
  6. ความพึงพอใจของพนักงานที่เพิ่มขึ้น: ส่งเสริมวัฒนธรรมของการเรียนรู้และการเติบโตอย่างต่อเนื่อง นำไปสู่ความพึงพอใจและขวัญกำลังใจในงานที่สูงขึ้น
  7. การรักษาความสามารถด้านผู้นำ: การลงทุนในการพัฒนาการโค้ชจะดึงดูดและรักษาผู้นำที่มีความสามารถซึ่งให้คุณค่ากับโอกาสการเติบโตทางวิชาชีพ
  8. การเข้าถึงเครื่องมือที่เป็นนวัตกรรม: ผู้เข้าร่วมจะได้รับการเข้าถึงเครื่องมือและเทคโนโลยีขั้นสูงที่เพิ่มประสิทธิภาพการเป็นผู้นำ เช่น ซอฟต์แวร์การวิเคราะห์ประสิทธิภาพและแพลตฟอร์มการโค้ชที่ขับเคลื่อนด้วย AI
  9. แผนการพัฒนาส่วนบุคคล: ผู้นำจะได้รับประโยชน์จากแผนการพัฒนาที่ถูกออกแบบจากจุดแข็ง จุดอ่อน และเป้าหมายอาชีพของแต่ละบุคคลเพื่อการโค้ชที่มุ่งเป้าหมายและเกี่ยวข้องมากขึ้น
  10. การเสริมสร้างทักษะ: ผู้นำจะพัฒนาทักษะที่สำคัญ เช่น ความฉลาดทางอารมณ์ การแก้ไขความขัดแย้ง และการคิดเชิงกลยุทธ์ ซึ่งจำเป็นสำหรับการเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อน
  11. การเรียนรู้และการสร้างเครือข่ายระหว่างเพื่อน: โอกาสในการสร้างเครือข่ายกับเพื่อนร่วมงานจากอุตสาหกรรมต่างๆ จะอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนความคิด แนวปฏิบัติที่ดีที่สุด และแนวทางการแก้ไข้ปัญหาสำหรับความท้าทายด้านผู้นำ
  12. ผลลัพธ์ที่วัดได้: หลักสูตรนี้สามารถวัดผลกระทบของการโค้ชต่อประสิทธิภาพของทีม การมีส่วนร่วมของพนักงาน และผลลัพธ์ขององค์กร เพื่อพิสูจน์ความคุ้มค่าของการลงทุนในการพัฒนาผู้นำ
  13. การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง: ผู้นำจะยอมรับความคิดแบบเรียนรู้และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจำเป็นสำหรับการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงและรักษาความได้เปรียบในการแข่งขัน
  14. การวางแผนการสืบทอดตำแหน่งขององค์กร: การโค้ชที่มีประสิทธิภาพจะสนับสนุนการวางแผนการสืบทอดตำแหน่งโดยเตรียมผู้นำที่กำลังเกิดขึ้นสำหรับความรับผิดชอบที่สูงขึ้นภายในองค์กร

มีพนักงานจำนวน 120 คน หรือคิดเป็น 1.85% ของจำนวนพนักงานเทียบเท่าทำงานเต็มเวลา (FTEs) ที่เข้าร่วมโครงการผู้นำในฐานะโค้ช ปี 2566

โปรแกรมนี้เป็นส่วนหนึ่งในการแสดงให้เห็นถึงผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อประสิทธิภาพทางธุรกิจ โดยมีส่วนทำให้รายได้เพิ่มขึ้น 30.91% เมื่อเทียบกับปี 2565

การประเมินผลงานพนักงาน

การประเมินผลงานแบบ Management by objectives

AWC มุ่งมั่นที่จะสร้างคุณค่าให้แก่ stakeholders อย่างยั่งยืน ซึ่งการจะทำให้สำเร็จได้นั้น บริษัทจำเป็นต้องมีการบริหารผลการปฏิบัติงานที่ดี เพื่อส่งเสริมให้พนักงานสามารถปฏิบัติงานให้บรรลุตามเป้าหมาย พัฒนาความเชี่ยวชาญ เติบโตก้าวหน้าในอาชีพ ได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม

AWC ผลักดันให้การประเมินผลการปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยใช้กับพนักงานทุกคนในบริษัทและมีกระบวนการดังต่อไปนี้

  • การกำหนดเป้าหมาย (Target Setting) - มีการกำหนดเป้าหมายเชิงกิจกรรมและผลลัพธ์ของการปฏิบัติงาน มีการจัดทำแผนการปฏิบัติงานทที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงมีการวางแผนการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถในการบรรลุเป้าหมายของการปฏิบัติงานนั้น
  • การทบทวนและประเมินผลการปฏิบัติงาน - มีการจัดให้ทบทวนและประเมินผลการปฏิบัติงานทุก 3 เดือน โดยการนำเป้าหมายเชิงกิจกรรมและผลลัพธ์ของการปฏิบัติงานที่กำหนดไว้มาเปรียบเทียบกับผลการปฏิบัติงานที่เกิดขึ้นจริง เพื่อให้ทราบถึงความคืบหน้าของผลการปฏิบัติงานได้ทันท่วงที มีการให้ผลสะท้อนกลับเชิงสร้างสรรค์ และอาจมีการทบทวนแผนการปฏิบัติงานและแผนการพัฒนาบุคลากรต่างๆที่ทำไว้โดยตามความเหมาะสม
  • การะประเมินผลการปฏิบัติงานประจำปี - มีการประเมินผลการปฏิบัติงานโดยการนำเป้าหมายเชิงกิจกรรมและผลลัพธ์ของการปฏิบัติงานที่กำหนดไว้ทั้งปีมาเปรียบเทียบกับผลการปฏิบัติงานที่เกิดขึ้นจริงทั้งปี มีการจัดทำการปรับเทียบเพื่อให้การประเมิลผลการปฏิบัติงานเกิดความยุติธรรมและโปร่งใส รวมถึงระบุจุดที่ทำได้ดีในปีที่ผ่านมา และจุที่ต้องพัฒนาเพื่อทำให้บรรลุเป้าหมายของการปฏิบัติงานที่ดีขึ้นในปีต่อๆไป

การประเมินผลงานแบบทีม (Team-based performance appraisal)

การบรรลุเป้าหมายของการปฏิบัติงานนั้นมักจะเกิดจากการทำงานเป็นทีม ซึ่งพนักงานทุกคนมีโอกาสที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการทำงานเป็นทีม และการทำงานเป็นทีมโดยนำความเชี่ยวชาญของพนักงานมาผสมผสานกันนั้น จะช่วยส่งเสริมบริษัทให้สร้างคุณค่าแก่ stakeholders อย่างยั่งยืนได้

เพื่อผลักดันให้การประเมินผลการปฏิบัติงานเป็นทีมมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล จะมีการร่วมกำหนดเป้าหมายและความรับผิดชอบของทีมกับคนในทีม โดยการนำเป้าหมายเชิงกิจกรรมและผลลัพธ์ของการปฏิบัติงานที่กำหนดไว้มาเปรียบเทียบกับผลการปฏิบัติงานที่เกิดขึ้นจริง เพื่อให้ทราบถึงความคืบหน้าของผลการปฏิบัติงานได้ทันท่วงที มีการให้ผลสะท้อนกลับเชิงสร้างสรรค์ และอาจมีการทบทวนแผนการปฏิบัติงานและแผนการพัฒนาบุคลากรต่างๆที่ทำไว้โดยตามความเหมาะสม ซึ่งการทบทวนและประเมินผลการปฏิบัติงานของทีมนั้น ทีมงานจะร่วมกันกำหนดแนวทางการทบทวนและการเมินประเมินผลการปฏิบัติงานตามความเหมาะสม

การสนทนาแบบทันที (Agile Conversations)

บริษัททราบดีว่าการที่เรามุ่งมั่นที่จะสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างยั่งยืนนั้น การกำหนดให้มีการทบทวนแลประเมินผลรายไตรมาสนั้นไม่เพียงพอ บริษัทสนับสนุนให้พนักงานและหัวหน้างานทุกคนมีการให้ผลสะท้อนกลับเชิงสร้างสรรค์ได้ทันทีและตลอดเวลาผ่านการประชุมแบบตัวต่อตัว (one-on-one) ทั้งนี้เพื่อให้ทราบถึงความคืบหน้าของผลการปฏิบัติงานและอาจมีการทบทวนแผนการปฏิบัติงานและแผนการพัฒนาบุคลากรต่างๆที่ทำไว้ได้ตามความเหมาะสมและทันท่วงที

คุณภาพชีวิตที่ดีของพนักงาน

AWC ให้ความสำคัญกับการสรรหาและรักษาไว้ซึ่งพนักงานที่มีศักยภาพสูง ควบคู่กับการพัฒนาความรู้และความสามารถของพนักงานทุกระดับ ตลอดจนมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพชีวิตของพนักงานทุกคน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของพนักงานให้สามารถสนับสนุนการเติบโตของบริษัท

โครงการเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับพนักงาน

AWC มุ่งมั่นที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของพนักงานของเราผ่านโครงการมากมาย เราได้นำมาตรฐานแรงงานไทยและมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระดับสากลอื่นๆ มาเป็นหลักในการคุ้มครองและสนับสนุนพนักงานทุกคน โดยส่งเสริมการสร้างสมดุลระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัว เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ทุกคนสามารถเติบโตได้อย่างเต็มที่ โครงการของเราเน้นความสำคัญของทั้งสุขภาพกายและสุขภาพทางใจ เพื่อให้พนักงานของเราสามารถทำงานอย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพ

วันและเวลาการทำงานที่ยืดหยุ่น

AWC อนุญาตให้พนักงานมีวันและเวลาการทำงานที่ยืดหยุ่นเพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับลักษณะงานของตำแหน่งงานต่าง ๆ วันและเวลาการทำงานที่ยืดหยุ่นนี้ ช่วยให้พนักงานสามารถทำธุระจำเป็นของพนักงานได้ ในขณะเดียวกันก็สามารถดำเนินงานได้ตรงตามความต้องการของบริษัท

การลาคลอดบุตร

AWC มอบสิทธิ์การลาเพื่อไปคลอดบุตรแบบมีค่าตอบแทนให้แก่ทั้งผู้ดูแลหลักและผู้ดูแลรอง พนักงานหญิงสามารถลาคลอดได้ 98 วัน ซึ่งเทียบเท่ากับข้อกำหนดทางกฎหมาย สำหรับพนักงานชาย จะได้รับสิทธิ์ลาบิดา 1 วัน และลาส่วนตัวอีก 3 วัน

การทำงานแบบพาร์ทไทม์

AWC เสนอทางเลือกในการทำงานแบบพาร์ทไทม์ เพื่อเป็นการทำงานที่ยืดหยุ่นให้แก่พนักงานที่ต้องการเวลาทำงานน้อยกว่าตำแหน่งงานเต็มเวลา ซึ่งทางเลือกดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามข้อตกลงผ่านสัญญาจ้างงานที่เป็นลายลักษณ์อักษรระหว่างบริษัทกับพนักงานพาร์ทไทม์ เงื่อนไขของสัญญา รวมถึงจำนวนวันและชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์หรือต่อเดือน ค่าตอบแทน สวัสดิการ และรายละเอียดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง จะแตกต่างกันไปตามข้อตกลง

การสนับสนุนพนักงาน

AWC ให้ความสำคัญของสวัสดิการพนักงานของเรา บริษัทได้ดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าพนักงานของเราได้รับการคุ้มครองจากโรคต่าง ๆ เช่น COVID-19 โรคออฟฟิศซินโดรม การจัดการความเครียดในที่ทำงาน เป็นต้น ดังนั้น AWC จึงจัดหาโปรแกรมกีฬาและสุขภาพให้แก่พนักงานของเราพร้อมการเข้าถึงยิมและสระว่ายน้ำที่โรงแรมภายใต้ AWC ผ่านแอปพลิเคชัน AWC Infinite Lifestyle นอกจากนี้ เรายังมีการจ้างผู้เชี่ยวชาญและพันธมิตรภายนอกอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ความรู้โดยการจัดการบรรยายสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีโดยแพทย์ในหัวข้อต่างๆ เช่น คอเลสเตอรอลสูง น้ำตาลในเลือด ไวรัสตับอักเสบ เป็นต้น สิทธิประโยชน์เหล่านี้สนับสนุนให้พนักงานของเราอยู่ในสภาพร่างกายและจิตใจที่พร้อมสำหรับการทำงาน

ที่ AWC เราให้โอกาสพนักงานในการพักผ่อนคลายเครียดและดูแลตนเอง ห้องพักมีการให้บริการเพื่อสนับสนุนด้านสุขภาพจิต สุขภาพกาย และความต้องการส่วนบุคคลต่างๆ รวมถึง:

  • ห้องพยาบาล
  • ห้องให้นมบุตร
  • ห้องละหมาด
  • ห้องสันทนาการ
  • ห้องสำหรับเลี้ยงเด็ก

Heartfelt Recognition Program

AWC ผลักดันให้พนักงานมีส่วนร่วมและพัฒนาไปพร้อมกับองค์กรด้วยการยกย่องชื่นชมความสำเร็จและมอบรางวัลแก่ พนักงาน ตามแนวคิด 5A:

01
Anyone to give or given the recognition
02
Anything to create the value
03
Any Scales to make an impact
04
Anytime to express appreciation
05
Anywhere to amplify recognition
06
Any Kind to congratulate and celebrate

AWC Heartfelt Recognition Program เป็นโครงการที่มอบรางวัลให้แก่พนักงานเพื่อเป็นการยกย่องในความทุ่มเท ความสำเร็จ และการมีส่วนร่วมเชิงบวก สร้างความสุขและความมั่นใจในการทำงานของพนักงานและเพื่อนร่วมงาน ตลอดจนเป็นการรักษาพนักงานที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพให้อยู่ในองค์กรโดยในปี 2566 AWC ได้จัดทำ Heartfelt Recognition Program ประกอบด้วย 3 รูปแบบ ได้แก่

ความสำเร็จในชีวิตส่วนตัว

AWC ร่วมเฉลิมฉลอง เนื่องในโอกาสต่างๆ อาทิ การต้อนรับพนักงานใหม่ วันเกิด วันเกษียณ และการมีบุตรคนใหม่ เป็นต้น

ความสำเร็จ ตามเป้าหมายสำคัญ/ความก้าวหน้า

AWC ร่วมเชิดชูความสำเร็จเมื่อพนักงานได้ดำเนินงานบรรลุ ผลสำเร็จของโครงการและการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเป้าหมายขององค์กร

การปฏิบัติตามค่านิยมขององค์กร

AWC ยกย่องพนักงานที่แสดงให้เห็นถึงค่านิยมและคุณสมบัติความเป็นผู้นำของบริษัท

การสำรวจการมีส่วนร่วมของพนักงาน

AWC ทำการสำรวจการมีส่วนร่วมของพนักงานกับ Gallup เพื่อทำความเข้าใจประสบการณ์ของพนักงานและดำเนินการริเริ่มเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีและมีความสุข สามารถขับเคลื่อนความสำเร็จตามเป้าหมายองค์กรได้

ผลสำรวจการมีส่วนร่วมของพนักงาน

พนักงานที่ตอบแบบสอบถามร้อยละ 97

2563 2564 2565 2566 เป้าหมายปี 2566
สัดส่วนพนักงานที่มีให้คะแนนในระดับสูงสุดของการมีส่วนร่วม ความพึงพอใจ สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี หรือคะแนน eNPS 70 70 84.7 84.7 80

ค่าตอบแทนเพื่อการดำรงชีวิต

เพื่อมอบค่าตอบแทนที่เป็นธรรมแก่พนักงานและสนับสนุนการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมตามกฎหมายภายในประเทศและมาตรฐานของสากลที่เกี่ยวข้อง AWC จึงได้จัดทำการประเมินค่าตอบแทนพนักงาน โดยอ้างอิงข้อมูลสถิติล่าสุดของค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครัวเรือน โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สปช.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยค่าตอบแทนจะรวมถึงค่าใช้จ่ายพื้นฐานสามประการ ได้แก่ อาหาร ที่อยู่อาศัย และเสื้อผ้า รวมถึงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ได้แก่ สุขภาพ การขนส่ง ของใช้ส่วนตัว การดูแลเด็ก และการศึกษา

อาชีวอนามัยและความปลอดภัย

เพื่อยกระดับการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 AWC เตรียมพร้อมมาตรการด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยเต็มรูปแบบ สำหรับทุกโครงการ ตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (Safety and Health Administration: SHA) ดังนี้

สถานประกอบการทุกแห่งของ AWC ภายใต้การดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ และธุรกิจค้าปลีก ได้รับการรับรองตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (SHA) เป็นโครงการความร่วมมือระหว่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันการแพร่กระจายของโรคโควิค-19

AWC เป็นผู้บุกเบิกมาตรการทำงานที่บ้านสำหรับพนักงานในสำนักงานทุกคนก่อนการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ส่วนพนักงานที่จำเป็นต้องปฏิบัติงานในสถานประกอบการ หากพบว่า สถานประกอบการนั้นมีผู้ป่วยยืนยัน พนักงานจะต้องกักตัวอยู่บ้านเป็นเวลา 14 วัน และพนักงานที่มีความเสี่ยงสูงจะต้องรายงานอาการเป็นประจำทุกวัน นอกจากนี้ บริษัทยังได้ทำประกันภัยไวรัสโคโรนา (โรคโควิด-19) ให้กับพนักงานทุกคนด้วย

AWC มุ่งมั่นที่จะรักษาประสิทธิภาพในการทำงาน โดยปรับวิธีการทำงานเป็นแบบปกติใหม่ (New Normal) ให้เหมาะสมกับแต่ละสายธุรกิจและหน้าที่ที่ต่างกัน ทั้งยังมีการสื่อสารกับพนักงานถึงสถานการณ์โควิด-19 ให้คำแนะนำด้านสุขภาพและความปลอดภัย รวมถึงเรื่องความปลอดภัยในการทำงานที่บ้าน

โครงการต่าง ๆ ของ AWC ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน ISO 45001:2018 (ระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย) เพื่อเป็นมาตรฐานในการส่งเสริมและขับเคลื่อนการจัดการความปลอดภัยสำหรับการบริหารงานก่อสร้าง ซึ่งสอดคล้องกับกฎหมายความปลอดภัยของไทย ทั้งยังมีการระบุเป็นข้อกำหนดในกระบวนการประกวดราคา ให้มีเจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัย และมีกฎด้านความปลอดภัยที่จำเป็นต่าง ๆ ตามกฎหมาย

คู่มือความปลอดภัยในการทำงาน

AWC ได้จัดทำคู่มือความปลอดภัยในการทำงาน โดยได้รับการรับรองจาก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ซึ่งเป็นตัวแทนของคณะกรรมการบริษัท เพื่อใช้กับพนักงาน รวมถึงลูกจ้าง ผู้รับเหมาที่ปฏิบัติงานประจำภายในพื้นที่ของ AWC โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือเพื่อให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องทุกคนสามารถปฏิบัติตามกฏหมายความปลอดภัยและอาชีวอนามัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความรู้ ตระหนักด้านความปลอดภัยในการทำงาน และ เพื่อควบคุม หลีกเลี่ยง และลดความสูญเสียจากการประสบอันตรายจากการทำงาน คู่มือความปลอดภัยในการทำงานได้ระบุถึงกฏระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆ เช่น กฏระเบียบ ข้อบังคับด้านความปลอดภัยในการทำงานทั่วไป กฏระเบียบ ข้อบังคับด้านความปลอดภัยในการทำงาน Onsite และพื้นที่สำนักงานสำหรับผู้รับเหมา กฏระเบียบ ข้อบังคับในการทำงานบนที่สูง กฏระเบียบ ข้อบังคับการทำงานเกี่ยวกับไฟฟ้า กฏระเบียบ ข้อบังคับการงานกับวัตถุอันตรายหรือสารเคมี เป็นต้น นอกจากกฏระเบียบ ข้อบังคับที่ได้ถูกระบุไว้แล้ว คู่มือความปลอดภัยในการทำงานยังไม่มีการกล่าวถึงการประเมินความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ การสอบสวนอุบัติเหตุหรืออุบัติการณ์ภายใน การจัดทำแผนเพื่อรองรับอุบัติเหตุหรืออุบัติการณ์ และการปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

การเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนและสังคม

AWC มุ่งมั่นในการสร้างความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งกับชุมชนท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชุมชนที่อยู่รอบธุรกิจโรงแรมที่อยู่ห่างไกลจากตัวเมือง บริษัทให้ความสำคัญกับความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย รวมถึงคนในชุมชน เพื่อทำความเข้าใจและตอบสนองความต้องการของพวกเขา

โดยการสนับสนุนการพัฒนาและความมั่นคงของชุมชนท้องถิ่น AWC มีเป้าหมายเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีของคนในชุมชนผ่านการพัฒนาโครงการต่าง ๆ เช่น มูลนิธิสุขใจ (AWFC) มูลนิธิได้ดำเนินงานในกรอบงาน 3 ปัน คือ "ปันฝัน" การส่งเสริมด้านการศึกษา "ปันดี" การทำนุบำรุงศาสนาและศิลปวัฒนธรรมของชาติ และ "ปันสุข" การส่งเสริมด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของคนในชุมชน ผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย อีกทั้งได้สนับสนุนให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องภายในมีทัศนคติมีความรับผิดชอบต่อสังคม ด้วยการกำหนดให้พนักงานมีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อสังคม เพื่อยกระดับศักยภาพของสังคมไปสู่ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และได้ขยายโครงการคุณค่าร่วมกันและวิสาหกิจเพื่อสังคมขององค์กร ผ่านโครงการ เดอะ GALLERY เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการสร้างผลตอบแทนกลับสู่สังคม ยกระดับคุณภาพชีวิตของสังคม ตลอดจนสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนให้สามารถพัฒนาตนเองได้

AWC ตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการอยู่ร่วมกันกับชุมชนและสังคม เพื่อสร้างและรักษาไว้ซึ่งการยอมรับและได้รับความไว้วางใจจากสังคมด้วยการดำเนินงานภายใต้แนวคิด "Better People" เพื่อส่งเสริมพันธกิจ "การสร้างอนาคตที่ดีกว่า" ให้กับชุมชนและสังคม อีกทั้ง ได้กำหนดเป้าหมายในปี 2573 ให้สถานประกอบการของ AWC ทั้งหมดร้อยละ100 มีการริเริ่มโครงการหลัก (Flagship Program) ที่ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นสำหรับผู้คนและสังคม มุ่งเน้นด้านการก่อให้ เกิดการสร้างงาน ด้านการศึกษาและการฝึกอบรม ด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม และด้านศิลปะและวัฒนธรรม โดยทุกโครงการจะมีการวัดผลตอบแทนทางสังคม (SROI: Social Return on Investment) และตั้งเป้าหมายว่าภายในปี 2573 ทุกโครงการหลักเพื่อชุมชนของแต่ละโครงการอสังหาริมทรัพย์ของ AWC จะสามารถสร้าง SROIได้ 1.5 เท่า เพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมและชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม สร้างการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงสร้างผลกระทบเชิงบวกในวงกว้างและยั่งยืน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าชุมชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง

บริษัทมุ่งมั่นที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้มีเกี่ยวข้องในท้องถิ่นผ่านการพัฒนานโยบายการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างครอบคลุม นโยบายนี้ได้รับการเปิดเผย เพื่อแสดงความโปร่งใส อีกทั้งช่วยส่งเสริมความร่วมมือและมุ่งสู่ผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน

แนวปฏิบัติการส่วนร่วมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องระดับท้องถิ่น

AWC ได้ดำเนินการจัดทำแนวทางปฏิบัติการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อควบคุมและเป็นช่องทางการสื่อสารกับผู้มีส่วนเกี่ยวทุกภาคส่วน การดำเนินงานของบริษัท วิธีการมาตรฐานนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการสื่อสารและรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมไปถึงนำข้อเสนอแนะของพวกเขามาใช้เพื่อปรับปรุงการดำเนินงานของ AWC ขั้นตอนการดำเนินงานนี้ ได้รับการพัฒนาให้สอดคล้องกับมาตรฐาน AA1000 Stakeholder Engagement Standards 2015 เพื่อให้มั่นใจได้ว่ามีการใช้วิธีการที่ครอบคลุมและรับผิดชอบในการบริหารจัดการผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง

นโยบายสิทธิมนุษยชน

บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) (บริษัท) มุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกกลุ่ม โดยคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนสำหรับทุกคนในการดำเนินงานของบริษัทและตลอดห่วงโซ่อุปทาน บริษัทปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระดับประเทศและระดับสากลอย่างเคร่งครัด ซึ่งครอบคลุมปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ปฏิญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพื้นฐานและสิทธิในการทำงาน (ILO) และหลักการชี้แนะแห่งสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (UNGP) และหลักการข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (UN Global Compact) บริษัทพัฒนานโยบายสิทธิมนุษยชนขึ้นเพื่อเคารพ และ คุ้มครองสิทธิมนุษยชน และป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดจากการดำเนินธุรกิจของบริษัท

นโยบายครอบคลุม: นโยบายสิทธิมนุษยชนฉบับนี้ใช้บังคับกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท ตลอดจนห่วงโซ่อุปทาน ลูกค้า และชุมชน รวมไปถึง พนักงาน พันธมิตรทางการค้า อาทิ กิจการร่วมค้า ลูกค้า คนในชุมชนท้องถิ่น ตลอดจนแรงงานที่ทำงานให้กับคู่ค้าหรือพันธมิตรธุรกิจในห่วงโซ่อุปทานของบริษัท

สิทธิมนุษยชนและสิทธิแรงงาน

AWC ให้การสนับสนุนและปกป้องสิทธิมนุษยชนและสิทธิแรงงานดังต่อไปนี้:

  • คุ้มครองสิทธิในชีวิต เสรีภาพ และความปลอดภัยในชีวิต
  • ไม่มีการใช้แรงงานเด็ก แรงงานบังคับทุกรูปแบบ การค้ามนุษย์ และแรงงานทาสยุคใหม่ ในการดาเนินธุรกิจของบริษัทและตลอดห่วงโซ่อุปทาน
  • ไม่มีการเลือกปฏิบัติในการจ้างงาน หรือ การประกอบอาชีพ โดยมุ่งเน้นส่งเสริมความหลากหลาย ความเท่าเทียมและ การมีส่วนร่วม รวมตลอดถึง การพิจารณาค่าตอบแทนที่เท่าเทียมในงานที่มีค่าเท่ากัน
  • ไม่ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ การล่วงละเมิดทางเพศ และการล่วงละเมิด (Zero tolerance) ในรูปแบบอื่นในที่ทางาน
  • ส่งเสริมเสรีภาพในการสมาคม และสิทธิในการเจรจาต่อรองร่วม
  • ส่งเสริมสภาพการทางานที่ปลอดภัยและมีสุขภาวะ
  • รับรองการจ้างงานที่มีคุณค่า และ การจัดหางานที่เป็นธรรม ด้วยค่าจ้าง สิทธิประโยชน์ และสวัสดิการที่เป็นธรรม เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน และครอบครัว
  • เคารพสิทธิความเป็นส่วนตัว
  • เคารพสิทธิชุมชน และสิทธิมนุษยชนของคนในชุมชน ในด้านคุณภาพชีวิต สุขภาพ และความปลอดภัย และการเข้าถึงทรัพยากรทางธรรมชาติและที่ดิน รวมถึงการรับรองการมีส่วนร่วมของชุมชน

แนวทางการบริหารจัดการ

AWC มุ่งมั่นที่จะเคารพสิทธิมนุษยชนของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน บริษัทได้ดำเนินการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน ซึ่งระบุถึงความเสี่ยงในการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดขึ้นตลอดการดำเนินงานทั้งห่วงโซ่อุปทาน ครอบคลุม พนักงาน พันธมิตรทางธุรกิจ ลูกค้า และชุมชนท้องถิ่น

  • การระบุความเสี่ยงเชิงรุก: เราค้นหาความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดขึ้น ผ่านกระบวนการตรวจสอบอย่างรอบด้าน
  • การบรรเทาและแก้ไข: เมื่อพบความเสี่ยง เราจะพัฒนาแผนการบรรเทาผลกระทบที่อาจะเกิดขึ้นและแก้ไขร่วมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งภายในและภายนอก โดยจะมีการนำแนวนี้ได้รับประกันความเป็นธรรม ความโปร่งใส และการปกป้องสิทธิมนุษยชนของบุคคลที่ได้รับผลกระทบ
  • การตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง: AWC มุ่งมั่นในการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เราดำเนินการทบทวนการประเมินความเสี่ยงเป็นประจำทุกสามปี เพื่อให้แน่ใจว่าความพยายามด้านสิทธิมนุษยชนของเรายังคงสอดคล้องกับพันธกิจของเรา

การตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน

วิธีการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน

ขอบเขตของประเด็นสิทธิมนุษยชน

การวิเคราะห์บริบท: 30 ประเด็นสิทธิมนุษยชน

สิทธิแรงงาน (8)
  • แรงงานบังคับและแรงงานทาส
  • แรงงานเด็ก
  • การค้ามนุษย์และทาสสมัยใหม่
  • เสรีภาพในการรวมตัวและสิทธิในการเจรจาต่อรองร่วมกัน
  • การไม่เลือกปฏิบัติในที่ทำงาน การจ้างงาน การบรรจุงาน การจ่ายค่าจ้างอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมกัน สวัสดิการ การเลื่อนตำแหน่ง และการเลิกจ้าง
  • ความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม
  • สภาพการทำงาน - เวลาทำงาน เวลาพักผ่อน สิทธิในการลา
  • การสรรหาบุคลากรอย่างมีจริยธรรม
อาชีวอนามัยและความปลอดภัย (4)
  • ความรุนแรงและการคุกคามทุกรูปแบบ
  • สภาพการทำงานที่เป็นอันตราย
  • สภาพความเป็นอยู่ที่ต่ำกว่ามาตรฐาน
  • การขาดความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
สิทธิของคนในชุมชน (8)
  • มาตรฐานการครองชีพและคุณภาพชีวิต
  • สุขภาพและความปลอดภัยของชุมชน
  • การมีส่วนร่วมของชุมชน
  • การเคารพมรดกทางวัฒนธรรม
  • กลุ่มชนกลุ่มน้อย รวมถึงชนพื้นเมือง
  • การอพยพย้ายถิ่น
  • สิทธิในการเข้าถึงที่ดิน น้ำ และทรัพยากรธรรมชาติ และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
  • สิทธิในการเข้าถึงการจ้างงาน
สิทธิมนุษยชนอื่น ๆ (10)
  • สิทธิในการรักษาความเป็นส่วนตัว
  • สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร
  • สิทธิในการเลือกตั้ง
  • สิทธิในการทำงานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและมีสุขภาพดี
  • สิทธิในการแสดงความคิดเห็น
  • เสรีภาพในการแสดงออก
  • เสรีภาพทางศาสนา
  • สิทธิในการได้รับความรู้เกี่ยวกับการบริโภค
  • สิทธิในการตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐาน
  • สิทธิในการปฏิบัติที่ไม่เลือกปฏิบัติ

การวิเคราะห์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย / ผู้ถือครองสิทธิ

การระบุความกังวลและความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน ที่อาจเกิดขึ้นและเกิดขึ้นจริง

ครอบคลุม

การดำเนินงานของบริษัท:

การดำเนินงานของ AWC ครอบคลุมสองกลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจโรงแรม และ ธุรกิจค้าปลีกและอาคารพาณิชย์ (ครอบคลุมค้าปลีก ค้าส่ง และสำนักงาน) ซึ่งคิดเป็นรายได้ทั้งหมด 100% ของปี 2566

ห่วงโซ่คุณค่าหรือกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา:

ในปี 2566 AWC เป็นเจ้าของโรงแรม 21 แห่ง โดยบริหารงานภายใต้แบรนด์โรงแรมมาตรฐาน ได้แก่ Marriott, Melia, Hilton, Intercontinental Hotel, Banyan Tree และ Okura Group ซึ่งโรงแรมภายใต้แบรนด์ Marriott, Melia และ Hilton ได้ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลตลอดห่วงโซ่มูลค่า (การดำเนินงานของบริษัทและคู่ค้า) ผ่านวิธีการต่างๆ เพื่อประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน รวมถึงการทำการประเมินตนเอง การใช้งานแอปพลิเคชัน Light stay และการระบุความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนจากซอฟต์แวร์โปรแกรม เช่น Verisk Maplecroft เพื่อระบุความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดขึ้นและเกิดขึ้นจริงจากกลุ่มธุรกิจโรงแรม

นอกจากนี้ เรายังได้ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลผ่านการตรวจสอบเอกสาร การสำรวจ การอภิปรายกลุ่ม และการสัมภาษณ์ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องของ AWC รวมถึง พนักงานของ AWC พันธมิตรทางธุรกิจ - คู่ค้า ผู้เช่า บริษัทร่วมทุน ลูกค้า และชุมชนท้องถิ่น

ข้อมูลที่รวบรวมช่วยระบุความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดขึ้นและเกิดขึ้นจริงในการดำเนินงานของ AWC ตลอดห่วงโซ่อุปทาน รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูได้ใน Human Rights Risks Assessment Summary Report 2023

วิธีการการระบุความกังวลและความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน

AWC ให้ความสำคัญกับการระบุความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดขึ้นและเกิดขึ้นจริงภายในการดำเนินงานและห่วงโซ่อุปทานของบริษัท เพื่อให้ได้ความเข้าใจที่ครอบคลุม บริษัทใช้วิธีการแบบหลายมิติที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวมข้อมูล ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบเอกสาร การจัดประชุมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายใน การสำรวจ การอภิปรายกลุ่ม และการสัมภาษณ์ วิธีการเหล่านี้ประเมินความตระหนักรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับประเด็นสิทธิมนุษยชนและประสบการณ์โดยตรงหรือโดยอ้อมของพวกเขาเกี่ยวกับความท้าทายด้านสิทธิมนุษยชน

กลุ่ม วิธีการรวบรวมข้อมูล
พนักงาน AWC แบบสำรวจ ตรวจสอบและประเมินข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่างๆ
พันธมิตรทางธุรกิจ - ผู้เช่า คู่ค้า และบริษัทร่วมทุน แบบสำรวจ
ลูกค้า แบบสำรวจ
ชุมชน การอภิปรายกลุ่มเป้าหมายและการสัมภาษณ์

การจัดลำดับความสำคัญของประเด็นสิทธิมนุษยชนผ่านเกณฑ์การประเมินความเสี่ยง

การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนตามหลักการของ UNGP

ตามหลักการของ UNGP (UN Guiding Principles on Business and Human Rights) การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนจะพิจารณาจากสองเกณฑ์หลักคือ ความรุนแรง และ ความเป็นไปได้ (หรือความน่าจะเป็น):

ระดับความรุนแรง จะถูกกำหนดโดยพิจารณาจาก:

  • ขอบเขต: จำนวนคนที่อาจได้รับผลกระทบ
  • ผลกระทบ: ความรุนแรงของผลกระทบต่อผู้เสียหาย
  • ความสามารถในการเยียวยา: ความเป็นไปได้ในการเยียวยาผู้เสียหายกลับสู่สถานะเดิมหรือเทียบเท่า

ระดับความเป็นไปได้ จะถูกกำหนดโดยพิจารณาจาก:

  • บริบทท้องถิ่นหรือภาคอุตสาหกรรม: ความเป็นไปได้ของความเสี่ยงจะสูงขึ้นในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูง เช่น พื้นที่ขัดแย้ง การกำกับดูแลที่ไม่เพียงพอ การไม่สอดคล้องกับมาตรฐานแรงงานและสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ภาคอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูงในการละเมิดสิทธิมนุษยชน/แรงงาน ประวัติการร้องเรียน และการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน

นอกจากนี้ การวิเคราะห์รายงานจะมุ่งเน้นไปที่ประเด็นและความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนประเภทต่างๆ เทียบกับมาตรการบรรเทาและเยียวยาที่มีอยู่ของบริษัท และระบุพื้นที่สำหรับการปรับปรุงมาตรการเหล่านั้นและ/หรือการพัฒนามาตรการใหม่

การระบุประเภทความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน

ตามการประเมิน ได้ระบุความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน 3 ประเภท:

  • ความเสี่ยงโดยธรรมชาติ: ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากลักษณะของบริบทโดยไม่มีมาตรการบรรเทาใดๆ
  • ความเสี่ยงคงเหลือ: ระดับความเสี่ยงที่ยังคงอยู่แม้จะมีมาตรการบรรเทาและควบคุม
  • ความเสี่ยงที่สำคัญ: พื้นที่ที่มีความสำคัญสูงที่ยังคงต้องการการดำเนินการบรรเทา และหากไม่มีการดำเนินการดังกล่าว ประเด็นสิทธิมนุษยชนที่โดดเด่นเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อบริษัทในระดับสูง

ผลการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน

ร้อยละ 100

ของการดำเนินงานทั้งหมดของ AWC รวมถึงพันธมิตรทางธุรกิจและคู่ค้า ได้รับการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนอย่างครอบคลุม

ร้อยละ 7.7

ของพนักงาน AWC พบความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน

ร้อยละ 7.7

พันธมิตรทางธุรกิจและคู่ค้าพบความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน

ร้อยละ 100

ของพนักงาน AWC และพันธมิตรทางธุรกิจที่มีการระบุประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน ได้รับการตรวจสอบและพัฒนาแผนการบรรเทาความเสี่ยง

*ในปี 2566 ไม่พบประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนในกิจการร่วมทุนและผู้เช่าของ AWC

ประเด็นสิทธิมนุษยชนที่สำคัญ

ในปี 2566 จากการประเมินความเสี่ยง 30 ประเด็น พบประเด็นสิทธิมนุษยชนสำคัญ 6 ประเด็น ที่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือผู้ถือครองสิทธิของ AWC บริษัทมีแผนที่จะดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อบรรเทาปัญหาเหล่านี้

มาตรการการบรรเทาผลกระทบ

จากผลการประเมินความเสี่ยง พบว่ามี "ความเสี่ยงโดยธรรมชาติ" ซึ่งยังไม่มีมาตรการบรรเทาความเสี่ยง และ "ความเสี่ยงคงเหลือ" ซึ่งมีการหารือและดำเนินการเกี่ยวกับมาตรการบรรเทาความเสี่ยงแล้ว เพื่อประเมิน "ประเด็นสิทธิมนุษยชนที่สำคัญ" ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่บริษัทจำเป็นต้องดำเนินการบรรเทาความเสี่ยงเพิ่มเติม

ในปี 2566 พบประเด็นสิทธิมนุษยชนสำคัญ 6 ประเด็น ซึ่งถือว่าเป็นความเสี่ยงสูงที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขผ่านแผนการบรรเทาความเสี่ยงและการวัดผล

หลังจากดำเนินการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน พบ 6 ประเด็นสิทธิมนุษยชนสำคัญที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งครอบคลุม 19 สถานที่ดำเนินงาน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้แก่ พนักงาน ลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจ-คู่ค้า และชุมชน AWC รับรู้ถึงความสำคัญของความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งหากเกิดกรณีใดกรณีหนึ่งขึ้นแม้เพียงแห่งเดียว บริษัทจะพิจารณาสถานการณ์และดำเนินการทันที ดังนั้น AWC จึงได้พัฒนาและปรับใช้มาตรการบรรเทาความเสี่ยงเพื่อครอบคลุมทุกสถานที่ดำเนินงาน เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง / ผู้ถือครองสิทธิ ความเสี่ยงที่เกิดจากประเด็นสิทธิมนุษยชนที่สำคัญ แผนการบรรเทาความเสี่ยงการวัดผล ระยะเวลาในการติดตามผล
พนักงาน การจ่ายค่าตอบแทนที่เป็นธรรมและเท่าเทียมกัน
  1. ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) ดำเนินการจัดทำโครงสร้างเงินเดือนที่โปร่งใสเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายค่าจ้างขั้นต่ำ
  2. จัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเงินเดือนเพื่อติดตามและแก้ไขความไม่สอดคล้องกันของค่าจ้าง และดำเนินการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ
รายไตรมาส
การเลือกปฏิบัติ
  1. สื่อสารและบังคับใช้ นโยบายสิทธิมนุษยชนและนโยบายต่อต้านการเลือกปฏิบัติ
  2. จัดการฝึกอบรมเกี่ยวกับความหลากหลายและการยอมรับความแตกต่างอย่างสม่ำเสมอ และจัดตั้งช่องทางการร้องเรียนที่ชัดเจนสำหรับกรณีที่พบการเลือกปฏิบัติ
  3. สื่อสารขั้นตอนการร้องเรียนที่เน้นการเข้าถึงได้ ความโปร่งใส และการรักษาความลับ
รายไตรมาส
พันธมิตรทางธุรกิจและคู่ค้า แรงงานข้ามชาติ (การบังคับใช้แรงงานและการจ่ายค่าแรงที่ไม่เป็นธรรม)
  1. สื่อสาร จรรยาบรรณคู่ค้า (SCoC) เกี่ยวกับการปฏิบัติงานที่ดีและนโยบายสิทธิมนุษยชนไปคู่ค้าทุกราย
  2. ติดตามการจ้างงานของแรงงานข้ามชาติอย่างเป็นประจำใน TOR (กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง)
รายไตรมาส
ลูกค้า สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับกลไกการแก้ไขปัญหา
  1. สื่อสารข้อมูลที่เกี่ยวกับกลไกการร้องเรียนที่มีอยู่ผ่านช่องทางออนไลน์หรือออฟไลน์
  2. ใช้เครื่องมือการรับฟังทางสังคมเพื่อติดตามความกังวลของลูกค้าและพัฒนาแผนการแก้ไขปัญหาเพื่อแก้ไขปัญหาตามความเหมาะสม
  3. ทบทวนขั้นตอนการร้องเรียนที่เน้นการเข้าถึงได้ ความโปร่งใส และการรักษาความลับ
ทุกเดือน (โดยเฉพาะข้อ2)
ชุมชน สิทธิที่จะได้รับสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัยและมีสุขภาพอนามัยที่ดี (ระหว่างการก่อสร้าง)
  1. จัดกิจกรรมเยี่ยมชุมชนอย่างสม่ำเสมอ และจัดกิจกรรมเพื่อรับฟังความคิดเห็น
  2. จัดตั้งช่องทางการสื่อสาร (ออนไลน์และออฟไลน์) เพื่อติดตามความต้องการด้านความปลอดภัยและสุขภาพของชุมชน
  3. พัฒนากลไกการสื่อสารและขั้นตอนการส่งต่อเพื่อให้แน่ใจว่าชุมชนสามารถมีส่วนร่วมได้และข้อเสนอแนะของพวกเขาได้รับการพิจารณา นอกจากนี้ ยังเพื่อให้แน่ใจว่ามีการดำเนินการเชิงบวกเพื่อแก้ไขความกังวลของชุมชนอย่างทันท่วงที
รายไตรมาส
สิทธิในการเข้าถึงทรัพยากร (ที่ดินและน้ำ)
  1. ดำเนินการประเมินราคาที่ดินและทรัพยากรที่จะถูกเวนคืนอย่างเป็นธรรม โปร่งใส และถูกต้อง
  2. จ่ายค่าชดเชยอย่างเป็นธรรมแก่ชุมชนที่ได้รับผลกระทบ ตามกฎหมายท้องถิ่นและมาตรฐานสากล
  3. ใช้ช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อนากครอบคลุม และจัดทำเว็บไซต์หรือศูนย์ข้อมูลเฉพาะสื่อสารโครงการที่เกิดขึ้นและตอบข้อสงสัยของชุมชน
  4. จัดตั้งกลไกการร้องเรียนเฉพาะสำหรับปัญหาที่ดินและน้ำ และตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้รับการเผยแพร่และเข้าถึงได้อย่างดี
รายไตรมาส

มาตรการการเยียวยาผลกระทบและกลไกการร้องเรียน

ในปี 2566 AWC มุ่งมั่นที่จะยึดมั่นในมาตรฐานด้านสิทธิมนุษยชนสำหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน หากเกิดผลกระทบจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากการดำเนินงานของบริษัทหรือห่วงโซ่อุปทาน AWC จะดำเนินการแก้ไข ดังนี้:

1. การตอบรับทันที
  • ดำเนินการแก้ไขและตอบสนองต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ได้รับรายงานอย่างรวดเร็ว
  • ให้การสนับสนุนทันทีแก่บุคคลและชุมชนที่ได้รับผลกระทบ
2. การสอบสวน
  • ดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อทำความเข้าใจปัญหา
  • ใช้ผู้เชี่ยวชาญอิสระหากจำเป็น เพื่อการประเมินที่เป็นกลาง
3. การสื่อสาร
  • แจ้งข้อมูลให้ผู้ได้รับผลกระทบตลอดกระบวนการ
  • แจ้งข้อมูลให้ผู้ได้รับผลกระทบตลอดกระบวนการ
4. การจ่ายค่าชดเชยและให้การสนับสนุน
  • จ่ายค่าชดเชยอย่างเป็นธรรมให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบ
  • จัดหาบริการสนับสนุนที่จำเป็น เช่น การรักษาพยาบาลและความช่วยเหลือทางกฎหมาย
5. มาตรการแก้ไข
  • ดำเนินการเพื่อป้องกันปัญหาที่คล้ายกันในอนาคต
  • ปรับปรุงนโยบายและแนวปฏิบัติเพื่อแก้ไขช่องว่าง
6. การวัดและติดตามผล
  • ติดตามประสิทธิผลของมาตรการแก้ไข
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ได้รับผลกระทบได้รับการสนับสนุนและการเยียวยาอย่างเพียงพอ
7. การมีส่วนร่วมกับผู้เกี่ยวข้อง
  • ร่วมมือกับชุมชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ
  • ร่วมมือกับองค์กรท้องถิ่นเพื่อปกป้องและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน

ด้วยการดำเนินงานบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่ครอบคลุมและเข้มแข็ง พบว่า AWC ไม่พบเหตุการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนใด ๆ ตลอดการดำเนินงานและห่วงโซ่คุณค่าในปี 2566