การบริหารจัดการความเสี่ยง

AWC ตระหนักและให้ความสำคัญมากกว่ากับการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างยั่งยืนทั่วทั้งองค์กร ตั้งแต่ระดับองค์กรไปจนถึงระดับปฏิบัติการในทุกหน่วยธุรกิจ จัดให้มีระบบการบริหารจัดการความเสี่ยงและวิกฤตเพื่อให้มั่นใจว่า AWC จะสามารถพิจารณาตัดสินความเสี่ยงและโอกาสสำหรับ AWC ได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ตลอดจนกำหนดกลยุทธ์และแผนบรรเทาความเสี่ยงที่เหมาะสมเพื่อลดความน่าจะเป็นและ/หรือการสูญเสียให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ และ/หรือเพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสทางธุรกิจเพิ่มเติม

AWC ได้กำหนดกรอบการทำงานในการบริหารจัดการความเสี่ยงของกิจการ (Enterprise Risk Management Framework) ตามมาตรฐานสากลของคณะกรรมการองค์กรสนับสนุนของคณะกรรมการ Treadway (The Committee of Sponsoring Organizations of the Treadway Commission) หรือ การบริหารจัดการความเสี่ยงของกิจการของ COSO (COSO Enterprise Risk Management) พ.ศ. 2560 (2017) AWC ได้ประยุกต์ใช้กรอบการทำงานทั่วทั้งองค์กรด้วย นโยบายการบริหารจัดการความเสี่ยง

การกำกับดูแลความเสี่ยง

ปัจจัยความเสี่ยง

AWC เป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลายประเภทซึ่งครอบคลุมธุรกิจการบริการ ธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจอาคารพาณิชย์ และที่ดินแบบผสมผสาน ในการดำเนินธุรกิจ AWC ตระหนักถึงความเสี่ยงบางประการที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ ฐานะการเงิน ผลการดำเนินงานของบริษัท และแนวโน้มในอนาคตของบริษัท ดังนั้น AWC จึงวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นทั้งหมดอย่างต่อเนื่องทั้งภายในและภายนอก โดยครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ ตลอดจนพัฒนาการดำเนินการบรรเทาความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพเพื่อลดผลกระทบของความเสี่ยงที่ถูกระบุและช่วยให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายตามกลยุทธ์และทิศทางของเราได้ AWC พิจารณาว่าความเสี่ยงหลักเป็นความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบในทางลบต่อธุรกิจของ AWC และเปิดเผยข้อมูลในรายงานประจำปี ตัวอย่างความเสี่ยงหลักที่ถูกระบุแสดงไว้ด้านล่างดังนี้

นอกจากการระบุความเสี่ยงหลักแล้ว AWC ยังได้ทำการระบุความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ โดยในปี 2564 ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ของ AWC ได้แก่

วัฒนธรรมองค์กรที่คำนึงถึงความเสี่ยง

AWC ตระหนักดีว่าวัฒนธรรมองค์กรที่คำนึงถึงความเสี่ยงเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการบริหารจัดการความเสี่ยงโดยรวม ดังนั้น AWC จึงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมวัฒนธรรมการบริหารความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กร

การบริหารลูกค้าสัมพันธ์

AWC มีลูกค้าเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่สำคัญ การบริหารจัดการลูกค้าสัมพันธ์จึงเป็นหัวข้อหนึ่งที่มีสาระสำคัญมากที่สุด เนื่องจากส่งผลกระทบโดยตรงต่อมิติทางเศรษฐกิจ โดยส่งผลต่อความยั่งยืนของเศรษฐกิจ ความต้องการของลูกค้าอาจเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในขณะที่บริษัทต้องรักษาคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์และบริการ การบริหารจัดการความสัมพันธ์ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องเกี่ยวกับการเติบโตของธุรกิจของบริษัทเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสที่สำคัญสำหรับบริษัทในการให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย ดังนั้น AWC จึงมุ่งมั่นที่จะบรรลุความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าในทุกหน่วยธุรกิจด้วยการนำเสนอบริการและผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง

AWC นำโปรแกรมการบริหารจัดการลูกค้าสัมพันธ์มาปฏิบัติกับลูกค้า โดยรวมถึงผู้เช่าด้วย ซึ่งกำหนดนโยบาย วัตถุประสงค์ และขั้นตอนสำหรับการพัฒนาความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า นอกจากนี้ AWC ยังได้พัฒนากลยุทธ์และโปรแกรมทางการตลาดเพื่อขยายฐานลูกค้าของเรา โปรแกรมดังกล่าว ได้แก่

  • แอปพลิเคชัน AWC Connext
  • ไลฟ์สไตล์ไร้ขีดจำกัดกับ AWC
  • อาคารอัจฉริยะ
  • การส่งเสริมการขายข้ามกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ

แอปพลิเคชัน AWC Connext

AWC รวมเทคโนโลยีเข้ากับ CRM ของบริษัทเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น

ไลฟ์สไตล์ไร้ขีดจำกัดกับ AWC

เป็นการสร้างประสบการณ์ที่เป็นสากลด้วยการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกในโรงแรมในเครือภายใต้ AWC ทั่วประเทศ บริการไลฟ์สไตล์นี้ช่วยให้สมาชิกได้สัมผัสกับประสบการณ์จาก AWC อย่างท่วมท้นได้จากทุกที่

อาคารอัจฉริยะ

เป็นการผสมผสานนวัตกรรมเพื่อมอบการเข้าถึงและประสบการณ์ที่ราบรื่นให้กับลูกค้า

การส่งเสริมการขายข้ามกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ

ได้แก่ อุตสาหกรรมการธนาคาร การแพทย์ และการบิน เป็นการขยายธุรกิจให้ครอบคลุมตลาดมากขึ้นเพื่อทำให้มั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนเหล่านี้

แบบสำรวจความพึงพอใจของลูกค้า

เพื่อให้เข้าใจความต้องการของลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง จึงมีการปรับปรุงคุณภาพการบริการ และพัฒนาความสัมพันธ์ระยะยาว AWC ทำการสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าเป็นประจำทุกปี โดยการสำรวจจะใช้แบบสอบถามที่ประเมินปัญหาสำคัญต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกับกลยุทธ์ขององค์กร เช่น การมุ่งเน้นตลาด ผลิตภัณฑ์/บริการที่จัดให้ การบริหารจัดการความรู้ และผลการดำเนินธุรกิจ

ความพึงพอใจของลูกค้า เป้าหมายปี 2565
ปี 2562 2563 2564 2565
ผลลัพธ์ด้านความพึงพอใจของลูกค้า (%) 69.94 73.52 74.35 73.37 73
*หมายเหตุ: AWC ได้ขยายขอบเขตการจัดทำแบบสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าและผู้เช่า โดยในปี 2565 ผลการสำรวจความพึงพอใจครอบคลุมกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ กลุ่มธุรกิจศูนย์การค้า และกลุ่มอาคารสำนักงาน สำหรับผลสำรวจก่อนหน้าปี 2565 เป็นข้อมูลการสำรวจความพึงพอใจของลูกค้ากลุ่มธุรกิจโรงแรมเท่านั้น

การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน

บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ตระหนักถึงความสำคัญของการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน เนื่องจากบริษัทต้องพึ่งพาพันธมิตรเพื่อความต่อเนื่องทางธุรกิจ ทั้งยังมีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจให้มีความโปร่งใส มีจรรยาบรรณ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ห่วงโซ่อุปทานที่มั่นคงและยั่งยืนส่งเสริมให้การ ดำเนินธุรกิจของบริษัทเป็นไปอย่างราบรื่น ลดความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ และตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายของเราได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดจะช่วยเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันของ AWC เหนือคู่แข่งของเรา

เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับความท้าทายที่เกิดขึ้นใหม่ AWC ได้พัฒนาจรรยาบรรณการดำเนินธุรกิจสำหรับคู่ค้า (SCoC) ของ AWC และเผยแพร่ให้กับคู่ค้าทุกราย ลงนามรับทราบและส่งคืนแบบฟอร์มตอบรับให้กับ AWC คู่ค้าที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดพื้นฐานในจรรยาบรรณฯ จะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำดำเนินธุรกิจร่วมกับ AWC ข้อกำหนดพื้นฐานที่ปรากฎในจรรยาบรรณการดำเนินธุรกิจสำหรับคู่ค้าของ AWC ได้แก่ การกำกับดูแลกิจการและจริยธรรมทางธุรกิจ แนวปฏิบัติด้านแรงงานและสิทธิมนุษยชน อาชีวอนามัยและความปลอดภัย และการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม นอกเหนือจากการปฏิบัติตามจรรยาบรรณฯ AWC ยังได้พัฒนาแนวทางการคัดเลือกคู่ค้า และนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อเน้นย้ำถึงเจตนารมณ์ของเราที่จะสร้างการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานที่มั่นคงและยั่งยืน

กลยุทธ์ด้านการจัดการห่วงโซ่อุปทาน

เพื่อสร้างความมั่นใจว่าการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานของเรานั้นสนับสนุนกลยุทธ์และทิศทางการเติบโตของบริษัท AWC จึงได้จัดทำกลยุทธ์การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานขึ้นมา 5 กลยุทธ์ เพื่อส่งเสริมความเข้มแข็งของ AWC และยกระดับมาตรฐานด้านความยั่งยืนของคู่ค้า ดังนี้

01
การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่คู่ค้า
02
การปรับปรุงกระบวนการดำเนินงาน
03
การร่วมมือเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
04
การสร้างคุณค่าที่ยั่งยืน
05
การบูรณาการประเด็นด้านความเสี่ยง
วัตถุประสงค์การดำเนินงานหลัก รายละเอียด การเชื่อมโยงไปยังกลยุทธ์ฯ
การปรับปรุงมาตรฐานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และความปลอดภัยเป็นหนึ่งในหัวข้อการประเมินผลการดำเนินงานของคู่ค้า ซึ่งคู่ค้าจำเป็นต้องมีการดำเนินงานตามข้อกำหนดของกฎหมายทั้งทางด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม บริษัทให้ความสำคัญกับการตรวจประเมินรับรองมาตรฐานโดยผู้ตรวจประเมินอิสระ คู่ค้ารายใดที่สามารถแสดงผลการตรวจประเมินรับรอง ฯ จะได้รับการพิจารณาคะแนนระดับที่สูงกว่าคู่ค้าที่ไม่มีผลการตรวจประเมินรับรอง ฯ กรณีที่คู่ค้ามีเหตุการณ์หรือ การดำเนินงานที่ไม่สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านความปลดภัยก็จะถูกหักคะแนนการประเมินจำนวน 2 คะแนนต่อครั้งที่พบความไม่สอดคล้อง
  1. การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่คู่ค้า
  2. การสร้างคุณค่าที่ยั่งยืน
  3. การบูรณาการประเด็นด้านความเสี่ยง
การป้องกันการฉ้อโกงอย่างเต็มประสิทธิภาพ การป้องกันการทุจริตเป็นหนึ่งในประเด็นที่ AWC ให้ความสำคัญและเน้นย้ำมาโดยตลอด ซึ่งเป็นข้อกำหนดพื้นฐานในจรรยาบรรณธุรกิจของบริษัท และจรรรยาบรรณการดำเนินธุรกิจสำหรับคู่ค้า เพื่อป้องกันการทุจริตตลอดห่วงโซ่อุปทาน AWC ได้ดำเนินการเพิ่มมาตรการและการตรวจสอบรอบด้านในกระบวนการดำเนินงานของบริษัท และการดำเนินธุรกิจงานของคู่ค้า
  1. การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่คู่ค้า
  2. การปรับปรุงกระบวนการดำเนินงาน
  3. การร่วมมือเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

เพื่อสร้างความมั่นใจว่ากลยุทธ์ฯ ได้ถูกนำไปปฎิบัติอย่างครบถ้วนและประสบความสำเร็จ AWC จึงได้จัดตั้ง KPI ดังนี้

  • ร้อยละ 100 ของคู่ค้าที่มีความสำคัญลำดับที่ 1 เซ็นรับทราบและนำจรรญาบรรณธุรกิจสำหรับคู่ค้าไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
  • ร้อยละ 100 ของคู่ค้าที่มีความสำคัญลำดับที่ 1 มีแผนบรรเทาและแผนการแก้ไขความเสี่ยงที่พบภายใน 12 เดือน
  • ร้อยละ 100 ของคู่ค้าที่มีความสำคัญลำดับที่ 1 ปฏิบัติตามกฏหมายด้านความปลอดภัย สิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด

การบริหารจัดการคู่ค้า

AWC มีระบบบริหารจัดการคู่ค้าที่โปร่งใสและมีจรรยาบรรรณ บริษัทได้นำระบบดังกล่าวมาใช้เพื่อสรรหาและคัดเลือกคู่ค้าที่มีคุณภาพ สร้างและรักษาความสัมพันธ์อันดีกับคู่ค้าและเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า ระบบบริหารจัดการครอบคลุม

  • การลงทะเบียนคู่ค้าใหม่
  • ประเมินผลการดำเนินงานของคู่ค้า

เพื่อให้บริหารจัดการกับผู้ค้าได้อย่างเหมาะสม AWC ได้กำหนดหลักเกณฑ์การจัดกลุ่มคู่ค้าหลัก (Critical tier 1) โดยพิจารณาจาก 1) ปริมาณหรือมูลค่าการใช้จ่ายสูง 2) สินค้าหรือบริการที่มีความสำคัญต่อธุรกิจ และ 3) สินค้าหรือบริการที่ไม่สามารถทดแทนได้

กระบวนการจัดการห่วงโซ่อุปทาน

01
คัดเลือกคู่ค้ารายใหม่ พิจารณาตามเกณฑ์ของบริษัทที่ครอบคลุมด้าน ESG พร้อมทั้งสื่อสารจรรยาบรรณทางธุรกิจสำหรับคู่ค้า
02
การจัดกลุ่มคู่ค้า
03
การประเมินคู่ค้ารวมถึงประเมินความเสี่ยงและความยั่งยืน
04
ตรวจประเมินคู่ค้าด้าน ESG ณ สถานประกอบการ (On-site Audit)
05
การพัฒนาศักยภาพคู่ค้า

จรรยาบรรณธุรกิจของคู่ค้า

บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ได้กำหนดจรรยาบรรณการดำเนินธุรกิจของคู่ค้า หรือ SCoC ขึ้นเพื่อ เป็นมาตรฐานและแนวทางปฏิบัติขั้นพื้นฐานสำหรับคู่ค้า โดยมีข้อกำหนดพื้นฐานดังต่อไปนี้

คู่ค้าจะได้รับจรรยาบรรณการดำเนินธุรกิจของคู่ค้าแนบไปพร้อมกับสัญญามาตรฐานทั่วไป คู่ค้าทุกรายจะต้องลงนามรับทราบและปฏิบัติตามข้อกำหนดพื้นฐานที่ระบุไว้ในจรรยาบรรณการดำเนินธุรกิจของคู่ค้าอย่างเคร่งครัด ในกรณีที่พบว่ามีการละเมิดหรือฝ่าฝืนจรรยาบรรณฯ บริษัทสงวนสิทธิในการระงับ หรือ บอกเลิกสัญญา การปรับเปลี่ยนเงื่อนไขสัญญาบางข้อ หรือการพิจารณาลบชื่อคู่ค้าออกจากรายชื่อคู่ค้าที่ได้รับการอนุมัติของ AWC นอกจากจรรยาบรรณการดำเนินธุรกิจของคู่ค้าที่ AWC ส่งให้กับคู่ค้าแล้ว บริษัทสนับสนุนให้คู่ค้าพัฒนาจรรยาบรรณธุรกิจของบริษัทคู่ค้าขึ้นมาเพื่อเผยแพร่ให้กับคู่ค้าและผู้รับเหมาของคู่ค้าเพื่อสร้างความอย่างยั่งยืนให้เกิดขึ้นตลอดห่วงโซ่อุปทาน

จรรยาบรรณและแนวปฏิบัติ

การคัดสรรและประเมินคู่ค้า

เพื่อให้มั่นใจว่าคู่ค้าจะมีศักยภาพเพียงพอที่จะส่งมอบคุณค่าที่ดีที่สุดให้กับ AWC และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายในห่วงโซ่คุณค่า AWC ได้จัดทำระบบสำหรับตรวจสอบคุณภาพคู่ค้าขึ้น สำหรับคู่ค้าที่ต้องการลงทะเบียนเป็นคู่ค้ากับทางAWC จะต้องมีคุณสมบัติซึ่งประกอบด้วย การเป็นคู่ค้าที่ไว้วางใจได้ ไม่เคยมีชื่ออยู่ในบัญชีดำของบริษัท ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับธุรกิจของ AWC มีสถานะทางการเงินที่เหมาะสม มีตัวชี้วัดในการป้องกันและรักษาสิ่งแวดล้อม และตัวชี้วัดด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย นอกจากข้อกำหนดด้านคุณสมบัติในการขึ้นทะเบียนเป็นคู่ค้าใหม่ AWC ดำเนินการประเมินผลคู่ค้าในการส่งมอบบริการและสินค้าอย่างสมบูรณ์ จาก 5 หัวข้อที่นำมาพิจารณาประเมินผลการดำเนินงานของคู่ค้า ได้แก่

  • การส่งมอบสินค้า / บริการที่สมบูรณ์ได้ตรงเวลา
  • คุณภาพของสินค้า / บริการและบุคลากร
  • มารยาทในการสื่อสารและความรวดเร็วในการประสานงาน
  • การปฏิบัติตามกฎและข้อบังคับที่กำหนด
  • สภาพแวดล้อม สุขภาพ ความปลอดภัยและความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ

การจัดกลุ่มคู่ค้า

การจัดการห่วงโซ่อุปทานเป็นหัวใจหลักในการดำเนินธุรกิจของบริษัท เนื่องจากช่วยสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน เติมเต็มความต้องการของผู้บริโภคและบรรเทาความเสี่ยงทางธุรกิจ ทั้งนี้ คู่ค้ามีบทบาทสำคัญในการร่วมสร้างห่วงโซ่คุณค่าที่ยั่งยืน เนื่องจากบริษัทย่อมต้องพึ่งพาพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อให้ดำเนินการได้อย่างราบรื่น

ห่วงโซ่อุปทานของ AWC สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มคู่ค้าที่มิใช่โครงการ (Non-project suppliers) และกลุ่มคู่ค้าแบบโครงการ (Project-based suppliers) ซึ่งแบ่งออกเป็น 8 อุตสาหกรรม ได้แก่ อาหารและการเกษตร สินค้าอุปโภคบริโภค ธุรกิจประกันและการเงิน สินค้าอุตสาหกรรม อสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง ทรัพยากร บริการ และเทคโนโลยี โดยบริษัทมีวิธีการบริหารคู่ค้าที่แตกต่างกันไปตามแต่ละประเภทอุตสาหกรรมนอกเหนือไปจากแนวปฏิบัติร่วมบางประการ บริษัทได้สื่อสารความคาดหวังที่มีต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทาน ได้แก่ การดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส มีจรรยาบรรณ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อยกระดับมาตรฐานในห่วงโซ่คุณค่าของเรา โดยบริษัทมุ่งมั่นที่จะพัฒนาการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน และส่งเสริมให้คู่ค้าดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืนยิ่งขึ้น

AWC ยึดมั่นในหลักความโปร่งใสและตรวจสอบได้ในกระบวนการสรรหาและคัดเลือก บริษัทได้นำกรอบความคิดด้านความยั่งยืน เช่น ข้อกำหนดด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย(OHS) มาบูรณาการเข้ากับขั้นตอนก่อนการประมูล รวมทั้งพยายามใช้สินค้าและวัสดุที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย วัสดุที่ผ่านการรีไซเคิล วัสดุที่นำกลับมาใช้ใหม่ โดยต้องปฏิบัติให้สอดคล้องตามเกณฑ์การออกแบบ

สำหรับ AWC คู่ค้าหลัก (Critical Tier 1) หมายรวมถึงผู้ผลิต ผู้ให้บริการสินค้า วัสดุ และบริการ และผู้จัดจำหน่ายสินค้า วัสดุ และบริการที่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความได้เปรียบในการแข่งขัน การประสบความสำเร็จในตลาด และการดำเนินธุรกิจของ AWC นิยามของคู่ค้าหลักคือ

  • คู่ค้าที่มีมูลค่าการใช้จ่ายสูงหรือมีปริมาณการสั่งซื้อจำนวนมาก
  • คู่ค้าที่ผลิต จัดหา และจัดจำหน่ายสินค้า วัสดุ และบริการที่มีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ
  • คู่ค้าที่ที่ผลิต จัดหา และจัดจำหน่ายสินค้า วัสดุ และไม่สามารถทดแทนได้

บริษัทดำเนินการตรวจประเมินคู่ค้าตามประเภทการใช้จ่าย และระดับความเสี่ยงจากผลลัพธ์การประเมิน ความเสี่ยงด้าน ESG ตามรายชื่อคู่ค้าที่ผ่านการคัดกรองแล้ว (Approved Vendor List) ในขั้นตอนการลงทะเบียน โดยคู่ค้าทั้งหมดต้องได้รับตรวจประเมินร้อยละ 100

สำหรับคู่ค้าที่มีความเสี่ยงสูงต่อ ESG หมายถึง ผู้ผลิต ผู้ให้บริการสินค้า วัสดุ และบริการ และผู้จัดจำหน่ายสินค้า วัสดุ และบริการ ซึ่งการดำเนินธุรกิจของคู้ค้ามีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบ ESG เชิงลบต่อ AWC ทั้งนี้ ผลกระทบ ESG เชิงลบอาจครอบคลุมถึงการไม่ปฏิบัติตามหรือฝ่าฝืนกฎหมาย กฎเกณฑ์ และระเบียบข้อบังคับ หลักปฏิบัติในการทำงานสำหรับคู่ค้า มาตรฐานสิทธิมนุษยชน มาตรฐานสิทธิแรงงาน แนวทางปฏิบัติด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และอื่นๆ

นอกจากนี้ บริษัทได้มีการตรวจสอบผลการดำเนินงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของผู้รับเหมา ทั้งระหว่าง การดำเนินการและเมื่อเสร็จสิ้นงาน โดยการประเมินคู่ค้าประจำปีจะเป็นการตรวจประเมิน ณ สถานประกอบการ (On – Site Audit) ซึ่งครอบคลุมการประเมินด้านผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงคุณภาพ ความปลอดภัย และการปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง โดยบริษัทจะใช้ผลการประเมินเป็นส่วนหนึ่งในการจัดทำระบบการจัดการคู่ค้าสัมพันธ์ของ AWC

...

ร้อยละ 100 ของคู่ค้ารายใหม่ที่ผ่านการคัดกรองโดยใช้เกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อม

...

ร้อยละ 100 ของคู่ค้ารายใหม่ที่ผ่านการคัดกรองโดยใช้เกณฑ์ด้านสังคม

การแบ่งประเภทคู่ค้า

จำนวนคู่ค้า
คู่ค้าลำดับที่ 1 2,049
คู่ค้าสำคัญลำดับที่ 1 114

การพัฒนาศักยภาพคู่ค้า

AWC ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดยเฉพาะคู่ค้า บริษัทตั้งเป้าที่จะดูแลคู่ค้าของเราให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืนสอดคล้องไปกับทิศทางการเติบโตทางธุรกิจ เพื่อเปลี่ยนความเสี่ยงและอุปสรรคที่เกิดขึ้นในห่วงโซ่อุปทานให้กลายเป็นโอกาสทางธุรกิจได้

ผลการดำเนินงานการจัดการห่วงโซ่อุปทาน

การวิเคราะห์ค่าใช้จ่าย หน่วย 2564 2565
มูลค่าในห่วงโซ่อุปทาน ล้านบาท 2,493.95 1,963

การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและสารสนเทศ

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่ได้รับการผลักดันให้เป็นแถวหน้าของข้อพิพาททางกฎหมายระหว่างประเทศก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบที่สำคัญ องค์กรต่าง ๆ ต้องปรับปรุงการบริหารจัดการข้อมูลลูกค้าและพนักงาน ซึ่งให้ความสำคัญกับปัญหาการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในขณะที่กรอบการกำกับดูแลของประเทศไทยกำลังไล่ตามประเทศอื่นๆ AWC พิจารณาว่าการปกป้องความเป็นส่วนตัวของข้อมูลเป็นหนึ่งในสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญก่อน การทำความเข้าใจบทบาทของบริษัทในการปกป้องข้อมูลให้ลูกค้า คู่ค้าทางธุรกิจ และพนักงาน AWC มุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่นี้อย่างจริงจัง

นอกจากนี้ AWC ได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศให้กำกับดูแลกลยุทธ์การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและสารสนเทศ ประสิทธิภาพการทำงาน และให้คำแนะนำที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาระบบการบริหารจัดการข้อมูลของเราอย่างต่อเนื่อง คณะอนุกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศนี้ประกอบด้วยกรรมการและผู้บริหารที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบและประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องในด้านการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและสารสนเทศ Chief Corporate Officer (CCO) ซึ่งมีภูมิหลังด้านการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและสารสนเทศอย่างครอบคลุมดำรงตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการอำนวยการเทคโนโลยีสารสนเทศ และมีหน้าที่รับผิดชอบในการควบคุมดูแลการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและสารสนเทศภายในบริษัท CCO จะรายงานโดยตรงต่อคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงที่ดูแลและสนับสนุนการนำเทคโนโลยีสารสนเทศไปปฏิบัติให้ประสบความสำเร็จ

คณะอนุกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศ

การตระหนักถึงความมั่นคงปลอดภัย

AWC ได้กำหนดนโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ในหมู่ผู้บริหารและพนักงานของ AWC

โดย AWC ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (2019) และพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 (2019) และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เช่น ระเบียบการคุ้มครองข้อมูลทั่วไป พ.ศ. 2559 (2016) โดยปฏิบัติตามการรวบรวมข้อมูลที่ถูกต้องตามกฎหมาย การบันทึก และการใช้ข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น นโยบายนี้มีพร้อมให้เป็นการภายในสำหรับพนักงานทุกคนและผู้รับจ้างที่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลและสารสนเทศของ AWC วัตถุประสงค์หลักของนโยบาย คือ เพื่ออธิบายบทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบของบุคคลที่เกี่ยวข้อง บริหารจัดการคุณสมบัติข้อมูลภายใน ควบคุม และคงไว้ซึ่งการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและสารสนเทศสำหรับการจัดเก็บทั้งภายในและภายนอก ให้คำแนะนำสำหรับแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ และให้คำแนะนำแก่พนักงานเพื่อปฏิบัติตาม

แผนรับมืออุบัติการณ์ความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลและสารสนเทศ

AWC ได้พัฒนาแผนรับมืออุบัติการณ์ความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลและสารสนเทศเพื่อบริหารจัดการปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและสารสนเทศอย่างเป็นระบบ แผนรับมืออุบัติการณ์นี้ได้รับการออกแบบให้สามารถใช้ได้กับ AWC และบุคคลภายนอก (ผู้รับจ้าง) ที่รับผิดชอบการจัดเก็บข้อมูลและสารสนเทศของ AWC
AWC พัฒนาระบบป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลของบริษัทให้ลดความเสี่ยงจากการละเมิดข้อมูลในขณะที่ปรับปรุงประสิทธิภาพของโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT ทั้งนี้ ด้วยแนวทางปฏิบัติในการใช้ข้อมูลอย่างมีจริยธรรมเคร่งครัด AWC สร้างวัฒนธรรมการใช้ข้อมูลอย่างรับผิดชอบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้โครงสร้างพื้นฐานด้าน IT บริษัทสร้างความตระหนักเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูล สื่อสารข่าว IT ที่เกิดขึ้นใหม่ผ่านจดหมายข่าว และดำเนินการตรวจสอบภายใน

AWC ให้การรับรองแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเราว่าเราพร้อมรับมือวิกฤตที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศที่อาจเกิดขึ้น

สมรรถนะของ IT และความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์

2561 2562 2563 2564 เป้าหมาย 2564
การละเมิดการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลหรืออุบัติการณ์ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์อื่น ๆ 0 0 0 0 0
ลูกค้าและพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการละเมิดข้อมูลของบริษัท 0 0 0 0 0
การร้องเรียนเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูลลูกค้าจากบุคคลภายนอก 0 0 0 0 0
การร้องเรียนเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูลลูกค้าจากหน่วยงานกำกับดูแล 0 0 0 0 0

แนวทางปฏิบัติด้านภาษีอากรของบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน)

AWC มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความเป็นธรรมและยึดมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคมและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ควบคู่กับการสร้างคุณค่าที่ดีร่วมกันตลอดกระบวนการดำเนินธุรกิจเพื่อการเป็นองค์กรที่ดีของประเทศ โดยในด้านภาษี AWC มีการบริหารจัดการด้วยความโปร่งใส่ ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องทุกประเภทซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ พันธกิจ และค่านิยมหลักขององค์กร

การปฏิบัติตามกฎหมายภาษีอากรอย่างมีความรับผิดชอบ

AWC มุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามกฎหมายภาษีอากรและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องทุกประเภทอย่างถูกต้องในทุกประเทศและ/หรืออาณาเขตที่บริษัทเข้าไปดำเนินธุรกิจ โดยบริษัทจะดำเนินธุรกิจและบริหารจัดการโครงสร้างภาษีให้สอดคล้องกับทั้งเจตนารมณ์และตัวบทของกฎหมายนั้น รวมถึงจะไม่แสวงหาผลประโยชน์ใดๆ จากช่องว่างของกฎหมายภาษีอากร

การวางแผนโครงสร้างทางภาษีอย่างเหมาะสม

AWC มุ่งมั่นในการสร้างความมั่นใจเรื่องการบริหารจัดการโครงสร้างภาษีต่อผู้ถือหุ้น พันธมิตรทางธุรกิจรวมถึงพนักงาน โดยจะบริหารงานด้านภาษีด้วยความโปร่งใสและจะไม่สร้างภาระภาษีโดยไม่จำเป็นซึ่งจะส่งผลเสียต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท ซึ่งหมายความว่าเราจะมีส่วนร่วมในการวางแผนภาษีอากรอย่างเหมาะสมเพื่อให้มั่นใจได้ว่าบริษัทจะไม่มีภาระภาษีซ้ำซ้อนอันเกิดขึ้นจากเงินได้หรือธุรกรรมเดียวกัน และเพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทตกอยู่ในสถานการณ์ที่มีภาระภาษีมากกว่าที่กฎหมายกำหนดโดยไม่จำเป็น

บริษัทอาจใช้ประโยชน์จากมาตรการทางภาษีหรือการยกเว้นภาษีตามที่กฎหมายให้การสนับสนุนหรืออนุญาตให้กระทำได้เมื่อมีความเหมาะสม

บริษัทจะไม่ทำธุรกรรมอันอาจมีความเสี่ยงที่จะเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจซึ่งหมายรวมถึงการหนีภาษีอากรหรือการสนับสนุนการหนีภาษีอากร นอกจากนี้บริษัทจะไม่กระทำการถ่ายโอนรายได้หรือกำไรไปยังประเทศและ/หรืออาณาเขตที่มีอัตราภาษีต่ำ สร้างธุรกรรมหรือธุรกิจเพื่อลดภาษีโดยไม่มีเหตุผลการทางการค้า และไม่ดำเนินธุรกิจในประเทศหรืออาณาเขตที่เป็นเขตปลอดภาษีหรือปกปิดข้อมูล (Tax haven) เพื่อการหลีกเลี่ยงภาษี

การกำหนดราคาโอนอย่างเหมาะสม

บริษัทมุ่งหมายที่จะจ่ายภาษีในจำนวนที่เหมาะสมตามมูลค่าเพิ่มที่เกิดขึ้นภายใต้การดำเนินการทางการค้าที่เป็นปกติ บริษัทจะคำนวณราคาโอนที่เกิดขึ้นระหว่างบริษัทในเครือให้เป็นไปตามราคาตลาด

เรามุ่งมั่นที่จะเป็นพลังขับเคลื่อนที่ดีในการสร้างเสริมห่วงโซ่คุณค่าที่แข็งแกร่งสู่ความยั่งยืน เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่าร่วมกัน

การสนับสนุนต่อภาคส่วนต่างๆ

รายชื่อองค์กร 2560 2561 2562 2563
สมาคมโรงแรมไทย - 3,745 - -
หอการค้าไทย และ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย - 8,000 - -
สมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) 12,840 12,840 27,730 -
สภาหอการค้าอังกฤษแห่งประเทศไทย - 2,140 24,470 22,470
หอการค้าอเมริกันในประเทศไทย - - 26,750 34,240
หอการค้าออสเตรเลีย-ไทย - - 19,260 19,260
มูลนิธิมาตรฐานโรงแรมไทย - - - 14,980
รวมทั้งสิ้น 12,840 26,725 98,210 90,950

ทั้งนี้ AWC มิได้ให้การสนับสนุนการรณรงค์ที่เกี่ยวข้องกับการ องค์กรทางการเมือง บุคคลหรือองค์กรที่ทำการชี้นำ และกลุ่มที่ได้รับการยกเว้นภาษีอื่น ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น (Anti-Corruption Policy)

MAJOR ISSUES OR TOPICS

ในปี 2563 AWC สนับสนุนองค์กรต่าง ๆ แบ่งเป็นประเด็นหลัก ดังนี้

ประเด็น Corporate Position รายละเอียดการสนับสนุน จำนวนเงินที่สนับสนุนในปี 2563
เพื่อสนับสนุนธุรกิจและการค้าเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย สนับสนุน AWC เป็นสมาชิกเชิงรุกขององค์กรทางการค้า ต่าง ๆ ได้แก่ สภาหอการค้าอังกฤษแห่งประเทศไทย หอการค้าอเมริกันในประเทศไทย และหอการค้าออสเตรเลีย-ไทย โดยองค์กรทางการค้าดังกล่าวจัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนนโยบายทางธุรกิจด้านบวก ซึ่งช่วยในการเติบโตของธุรกิจ สร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศไทย 75,970 บาท
เพื่อส่งเสริมมาตรฐานที่พักให้กับโรงแรมและรีสอร์ทในประเทศไทย สนับสนุน AWC เข้าร่วมและให้การสนับสนุนมูลนิธิมาตรฐานโรงแรมไทยซึ่งมีบทบาทพิเศษในการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ โดยสมาคมมีจุดมุ่งหมายในการยกระดับมาตรฐานของธุรกิจโรงแรมโดยรวม ด้วยระบบการจัดระดับดาวที่มีมาตรฐานและเป็นที่น่าเชื่อถือ โดยจัดระดับดาวตั้งแต่หนึ่งดาวถึงห้าดาว ให้กับโรงแรมทั่วประเทศ โดยโรงแรมในเครือ AWC มีเป้าหมายที่จะบรรลุระดับห้าดาว จากการเป็นโรงแรมที่มอบบริการที่ดีที่สุดกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากนี้ ยังมุ่งมั่นในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร ตลอดจนส่งเสริมการตลาด/การขายของโรงแรมให้สามารถแข่งขันได้อย่างเป็นธรรมและสอดคล้องกับสภาวะตลาด ตลอดจนตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า 14,980 บาท

LARGE EXPENDITURES

องค์กรที่ AWC ให้การสนับสนุนสูงสุด 3 อันดับแรกในปี พ.ศ. 2563 ได้แก่

Name Type of Organization Description of Trade Association Total Amount Paid in 2020
หอการค้าอเมริกันในประเทศไทย สมาคมการค้า หอการค้าอเมริกันในประเทศไทย (AMCHAM) เป็นสมาคมธุรกิจระหว่างประเทศที่เป็นอิสระ ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไม่แสวงหาผลกำไร และเป็นผู้นำในประเทศไทย โดยสมาคมฯ ร่วมมือกับสถานทูตสหรัฐฯและสถานกงสุลในประเทศไทยและสมาคมในเครือ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างผลเชิงบวกในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย ในฐานะสมาชิก AWC ได้รับผลประโยชน์ทางธุรกิจผ่านการเสริมสร้างศักยภาพ การสนับสนุน และกิจกรรมการสร้างเครือข่าย 34,240 บาท
สภาหอการค้าอังกฤษแห่งประเทศไทย สมาคมการค้า สภาหอการค้าอังกฤษแห่งประเทศไทย (BCCT) เป็นสมาคมที่ไม่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาลหรือจากแหล่งเงินทุนภายนอกของประเทศอังกฤษหรือไทย สภาหอการค้าอังกฤษแห่งประเทศไทยกำหนดพันธกิจอย่างชัดเจน เพื่อตอบสนองความต้องการและส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจของประเทศอังกฤษในประเทศไทย และในฐานะ ‘พันธมิตร’ ที่สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยตรง ในฐานะสมาชิก AWC ได้รับความสนับสนุนโอกาสผ่านเครือข่ายสภาหอการค้าอังกฤษแห่งประเทศไทย 22,470 บาท
หอการค้าออสเตรเลีย-ไทย สมาคมการค้า ก่อตั้งขึ้นด้วยกฎบัตรเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างประเทศออสเตรเลียและไทย โดยหอการค้าออสเตรเลีย-ไทย ทำหน้าที่เชื่อมโยงและข้อมูลทางธุรกิจระหว่างสองประเทศ เพื่อส่งเสริมธุรกิจสัญชาติออสเตรเลียที่ต้องการซื้อขายหรือลงทุนในประเทศไทย เช่นเดียวกับให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยที่สนใจในการดำเนินธุรกิจกับธุรกิจกับธุรกิจสัญชาติออสเตรเลีย หรือต้องการดำเนินธุรกิจในประเทศออสเตรเลีย หนึ่งในคุณค่าสูงสุดที่ AWC ได้รับในสถานะสมาชิกคือความสัมพันธ์อันดี และกิจกรรมที่รวบรวมนักธุรกิจดังกล่าวให้มาพบกัน 19,260 บาท