การสร้างคุณค่าและการการกำกับดูแลกิจการเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
การบริหารจัดการความเสี่ยง
AWC ตระหนักและให้ความสำคัญมากกว่ากับการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างยั่งยืนทั่วทั้งองค์กร ตั้งแต่ระดับองค์กรไปจนถึงระดับปฏิบัติการในทุกหน่วยธุรกิจ จัดให้มีระบบการบริหารจัดการความเสี่ยงและวิกฤตเพื่อให้มั่นใจว่า AWC จะสามารถพิจารณาตัดสินความเสี่ยงและโอกาสสำหรับ AWC ได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ตลอดจนกำหนดกลยุทธ์และแผนบรรเทาความเสี่ยงที่เหมาะสมเพื่อลดความน่าจะเป็นและ/หรือการสูญเสียให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ และ/หรือเพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสทางธุรกิจเพิ่มเติม
AWC ได้กำหนดกรอบการทำงานในการบริหารจัดการความเสี่ยงของกิจการ (Enterprise Risk Management Framework) ตามมาตรฐานสากลของคณะกรรมการองค์กรสนับสนุนของคณะกรรมการ Treadway (The Committee of Sponsoring Organizations of the Treadway Commission) หรือ การบริหารจัดการความเสี่ยงของกิจการของ COSO (COSO Enterprise Risk Management) พ.ศ. 2560 (2017) AWC ได้ประยุกต์ใช้กรอบการทำงานทั่วทั้งองค์กรด้วย นโยบายการบริหารจัดการความเสี่ยง
การกำกับดูแลความเสี่ยง
AWC ตระหนักถึงความสำคัญอย่างยิ่งของกรอบการบริหารจัดการความเสี่ยงเพื่อระบุ ประเมิน จัดการ และบรรเทาความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ กรอบการทำงานของบริษัทได้รับการออกแบบเพื่อให้มั่นใจว่า การจัดการความเสี่ยงนั้นเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการเชิงกลยุทธ์และการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งจะสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน โดยปฏิบัติตามโมเดล Three Lines of Defense ซึ่งเป็นกรอบการกำกับดูแลที่ได้รับการยอมรับ เพื่อแบ่งแยกความรับผิดชอบและความรับผิดชอบในการจัดการความเสี่ยงอย่างชัดเจนทั่วทั้งองค์กร กระบวนการนี้จะได้รับการตรวจสอบโดย MRMC (ระดับการจัดการ) และคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง (ระดับคณะกรรมการ) เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลมีความถูกต้อง
การมีส่วนร่วมของผู้บริหารระดับสูงและคณะกรรมการ
ผู้บริหารระดับสูงและคณะกรรมการบริษัทของบริษัทมีบทบาทสำคัญในการจัดการความเสี่ยง คณะกรรมการมีหน้าที่รับผิดชอบในการตรวจสอบการจัดการความเสี่ยงและกำหนดความเสี่ยงที่บริษัทพร้อมรับมือ โดยผู้บริหารระดับสูงมีหน้าที่นำทิศทางเชิงกลยุทธ์จากคณะกรรมการไปสู่การดำนเนินการเชิงนโยบายและการดำเนินงานจริง เพื่อให้แน่ใจว่ามีการนำไปปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ การดำเนินการ และการติดตาม รายงานประจำเกี่ยวกับกิจกรรมการจัดการความเสี่ยงและตัวชี้วัดความเสี่ยงที่สำคัญจะถูกนำเสนอให้คณะกรรมการ เพื่อช่วยในการตัดสินใจแบบเชิงรุกโดยมีข้อมูลและการจัดการความเสี่ยงอย่างเป็นรูปธรรม
แนวทางการป้องกัน 3 ชั้น (Three Lines of Defense)
แนวป้องกันที่ 1: การจัดการปฏิบัติการ (หน่วยธุรกิจ)
การจัดการปฏิบัติการเป็นแนวป้องกันครั้งแรก ผู้บริหารและพนักงานในหน่วยธุรกิจมีความรับผิดชอบโดยตรงในการจัดการความเสี่ยงและดำเนินการตามกระบวนการและการควบคุมที่จำเป็น พวกเขามีหน้าที่เป็นเจ้าของและจัดการความเสี่ยงในแต่ละวัน โดยรับรองว่ากระบวนการจัดการความเสี่ยงได้รับการฝังเข้าไปในกิจกรรมการดำเนินงานของบริษัทและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องได้รับการจัดการในระดับที่ยอมรับได้ ความรับผิดชอบหลักประกอบด้วย:
- การระบุและประเมินความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมของตน
- การดำเนินการกลยุทธ์การบรรเทาความเสี่ยง กระบวนการ และการควบคุมภายใน
- การติดตามและรายงานเกี่ยวกับความมีประสิทธิภาพของการควบคุมเหล่านี้
แนวป้องกันครั้งที่สอง: การจัดการความเสี่ยง การปฏิบัติตามกฎระเบียบ หน่วยงานสนับสนุนอื่น ๆ และคณะกรรมการ
แนวป้องกันครั้งที่สองประกอบด้วยฟังก์ชันการจัดการความเสี่ยงและการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เชี่ยวชาญ รวมถึงบทบาทสนับสนุนอื่น ๆ ที่ให้การตรวจสอบและสนับสนุนแนวป้องกันครั้งแรก ฟังก์ชันเหล่านี้พัฒนารักษานโยบายการจัดการความเสี่ยง กระบวนการที่เกี่ยวข้อง กรอบการทำงาน และแบบฟอร์มต่าง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าการปฏิบัติการจัดการความเสี่ยงของบริษัทสอดคล้องกับทิศทางกลยุทธ์ของบริษัท ความรับผิดชอบหลักประกอบด้วย:
- การพัฒนานโยบาย ขั้นตอน และกรอบการทำงานการจัดการความเสี่ยง
- การให้คำแนะนำ คำปรึกษา และการสนับสนุนผู้จัดการปฏิบัติการในเรื่องที่เกี่ยวกับความเสี่ยง
- การติดตามความสอดคล้องกับนโยบายการจัดการความเสี่ยงและข้อกำหนดด้านกฎระเบียบ
- การดำเนินการประเมินความเสี่ยงและรายงานความเสี่ยงต่อผู้บริหารระดับสูงและคณะกรรมการ
แนวป้องกันครั้งที่สาม: การตรวจสอบภายใน
แนวป้องกันครั้งที่สามเกิดจากฟังก์ชันการตรวจสอบภายใน ซึ่งดำเนินการอย่างอิสระจากแนวป้องกันครั้งแรกและครั้งที่สอง โดยจะดำเนินการอย่างน้อยทุก ๆ 2 ปี การตรวจสอบภายในให้ความมั่นใจกับคณะกรรมการบริษัทและผู้บริหารระดับสูงเกี่ยวกับประสิทธิภาพของการจัดการความเสี่ยง การควบคุม และกระบวนการกำกับดูแล ความรับผิดชอบหลักประกอบด้วย:
- การดำเนินการตรวจสอบอิสระเกี่ยวกับกิจกรรมการจัดการความเสี่ยงและการควบคุมภายใน
- การประเมินความเพียงพอและประสิทธิผลของกรอบการกำกับดูแลความเสี่ยง
- การรายงานผลการตรวจสอบและคำแนะนำต่อผู้บริหารระดับสูงและคณะกรรมการ
- การติดตามการดำเนินการตามคำแนะนำการตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่ามีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยความเสี่ยง
AWC เป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลายประเภทซึ่งครอบคลุมธุรกิจการบริการ ธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจอาคารพาณิชย์ และที่ดินแบบผสมผสาน ในการดำเนินธุรกิจ AWC ตระหนักถึงความเสี่ยงบางประการที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ ฐานะการเงิน ผลการดำเนินงานของบริษัท และแนวโน้มในอนาคตของบริษัท ดังนั้น AWC จึงวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นทั้งหมดอย่างต่อเนื่องทั้งภายในและภายนอก โดยครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ ตลอดจนพัฒนาการดำเนินการบรรเทาความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพเพื่อลดผลกระทบของความเสี่ยงที่ถูกระบุและช่วยให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายตามกลยุทธ์และทิศทางของเราได้ AWC พิจารณาว่าความเสี่ยงหลักเป็นความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบในทางลบต่อธุรกิจของ AWC และเปิดเผยข้อมูลในรายงานประจำปี
บริษัทมุ่งมั่นที่จะรักษากรอบการจัดการความเสี่ยงที่แข็งแกร่งซึ่งรับประกันการระบุและจัดการความเสี่ยงอย่างครอบคลุม วิธีการของบริษัทมีโครงสร้างรอบกระบวนการที่เป็นระบบซึ่งประกอบด้วย 5 ขั้นตอนสำคัญ ได้แก่ 1) การระบุความเสี่ยง 2) การประเมินความเสี่ยง 3) การระบุการควบคุม 4) การดำเนินการบรรเทาความเสี่ยง และ 5) การติดตามและรายงานความเสี่ยง วิธีการที่มีโครงสร้างนี้ช่วยให้บริษัทสามารถระบุ ประเมิน และจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเชิงรุก เพื่อให้มั่นใจว่าเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงถูกบรรลุอย่างมีประสิทธิภาพ
บริษัทใช้แนวทางที่เข้มงวดในการประเมินความเสี่ยง โดยพิจารณาถึงปัจจัยเฉพาะด้านตามบริบทของธุรกิจและอุตสาหกรรม ในกระบวนการประเมินความเสี่ยง บริษัทใช้แมทริกซ์ 5x5 เพื่อประเมินความน่าจะเป็นและผลกระทบของความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น แมทริกซ์นี้ช่วยให้บริษัทสามารถประเมินและจัดลำดับความสำคัญของความเสี่ยงได้อย่างเป็นระบบ โดยพิจารณาจากความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้นและขนาดของผลกระทบ
แมทริกซ์ 5x5 ให้วิธีการที่มีโครงสร้างในการประเมินความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นของความเสี่ยง มาตรการเหล่านี้ช่วยให้บริษัทเข้าใจผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นหากความเสี่ยงกลายเป็นจริง แม้ว่าจะไม่บ่งชี้ถึงความน่าจะเป็นของเหตุการณ์เหล่านั้น โดยการจัดประเภทความเสี่ยงตามมาตราส่วนจากความน่าจะเป็นต่ำไปสูงและผลกระทบ บริษัทสามารถจัดลำดับความสำคัญของความพยายามในการจัดการความเสี่ยงและจัดสรรทรัพยากรเพื่อบรรเทาอันตรายที่สำคัญที่สุด
เพื่อแสดงความเสี่ยงของบริษัทเพิ่มเติม บริษัทพัฒนากราฟความร้อน (Risk Heat Map) (ตามที่แสดงด้านล่าง) กราฟความร้อนนี้แสดงภาพความเสี่ยงที่ระบุ โดยเน้นพื้นที่ที่มีความเข้มข้นของความเสี่ยงสูง และช่วยให้บริษัทสามารถมุ่งเน้นกลยุทธ์การบรรเทาความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม เครื่องมือนี้ช่วยเสริมความสามารถของบริษัทในการสื่อสารความเสี่ยงอย่างชัดเจนต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และสนับสนุนการตัดสินใจที่มีข้อมูลที่ถูกต้องในทุกระดับขององค์กร
แผนภูมิความเสี่ยงองค์กร
สำหรับความเสี่ยงที่ได้รับการระบุแต่ละรายการ บริษัทมุ่งหวังที่จะลดระดับความเสี่ยงให้อยู่ภายในระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (ต่ำกว่ากรอบดำ) กระบวนการประเมินอย่างละเอียดนี้ช่วยให้บริษัทเตรียมความพร้อมในการจัดการกับความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการดำเนินงาน ผลการดำเนินงานทางการเงิน และวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ของบริษัท โดยการติดตามและปรับปรุงการประเมินความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง
บริษัทมุ่งหวังที่จะรักษากรอบการจัดการความเสี่ยงที่เชิงรุกและยืดหยุ่น ซึ่งสนับสนุนความยั่งยืนและความสำเร็จในระยะยาว โดยรายละเอียดของปัจจัยความเสี่ยงที่บริษัทพิจารณาว่าสำคัญและอาจมีผลกระทบต่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจมีดังนี้:
ความเสี่ยงหลัก | ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับ AWC | แผนบรรเทาความเสี่ยง |
---|---|---|
ความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ | ||
ผลกระทบจากปัญหาการให้บริการของสายการบินไม่เพียงพอ |
|
|
การแข่งขันทางธุรกิจจากคู่แข่งที่เสนออัตราค่าบริการที่ต่ำกว่า ความสะดวกสบาย บริการ หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีกว่า |
|
|
ความต้องการพื้นที่สำนักงานที่จำกัด ความไม่สมดุลกับอุปทานที่เติบโตในตลาดและโครงการใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ |
|
|
ความเสี่ยงหลัก | ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับ AWC | แผนบรรเทาความเสี่ยง |
---|---|---|
ความเสี่ยงด้านการดำเนินงาน | ||
การขาดแคลนพนักงานเพื่อสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ |
|
|
กระบวนการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพหรือการควบคุมที่ไม่เพียงพอ |
|
|
ภัยคุกคามทางไซเบอร์ |
|
|
การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล |
|
|
ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพ |
|
|
ความเสี่ยงหลัก | ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับ AWC | แผนบรรเทาความเสี่ยง |
---|---|---|
ความเสี่ยงด้านการเงิน | ||
ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง |
|
|
ความเสี่ยงด้านความน่าเชื่อถือจากผู้เช่า |
|
|
ความเสี่ยงหลัก | ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับ AWC | แผนบรรเทาความเสี่ยง |
---|---|---|
ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบ |
|
|
ความเสี่ยงหลัก | ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับ AWC | แผนบรรเทาความเสี่ยง |
---|---|---|
ความเสี่ยงด้านภัยพิบัติ |
|
|
ความเสี่ยงหลัก | ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับ AWC | แผนบรรเทาความเสี่ยง |
---|---|---|
ความเสี่ยงด้านชื่อเสียง |
|
|
ความเสี่ยงหลัก | ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับ AWC | แผนบรรเทาความเสี่ยง |
---|---|---|
ความล้มเหลวในการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี |
|
|
ความเสี่ยงหลัก | ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับ AWC | แผนบรรเทาความเสี่ยง |
---|---|---|
ความเสี่ยงจากการฉ้อโกง |
|
|
ความเสี่ยงหลัก | ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับ AWC | แผนบรรเทาความเสี่ยง |
---|---|---|
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาบริษัทตระหนักถึงการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทั้งความถี่และความรุนแรงของไฟป่าที่ส่งผลกระทบต่อทรัพย์สินของบริษัททั่วประเทศไทย แนวโน้มนี้ถือเป็นความเสี่ยงที่สำคัญ เนื่องจากธรรมชาติที่ไม่สามารถคาดเดาได้และความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นของไฟป่า ซึ่งสามารถก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากต่อทรัพย์สินและทำให้การดำเนินงานหยุดชะงัก การเพิ่มขึ้นของไฟป่ามีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ที่นำไปสู่ฤดูแล้งที่ยาวนานขึ้นและอุณหภูมิที่สูงขึ้น ดังนั้น บริษัทจึงรับรู้ว่านี่คือความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ซึ่งต้องใช้มาตรการเชิงรุกในการปกป้องทรัพย์สินและรักษาความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจ |
|
|
AWC ดำเนินงานในอุตสาหกรรมที่ต้องใช้แรงงานมาก ซึ่งการดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีทักษะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาประสิทธิภาพในการดำเนินงานและการให้บริการที่มีคุณภาพสูง เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัทได้ระบุถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในรูปแบบการทำงาน โดยได้รับแรงผลักดันจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น การเปลี่ยนแปลงนี้ส่วนใหญ่เกิดจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความคาดหวังที่พัฒนาไปของแรงงานสมัยใหม่ ดังนั้น AWC จึงเผชิญกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ในการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการเหล่านี้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีความสามารถ บริษัทต้องสามารถปรับตัวเข้ากับความชอบของแรงงานที่เปลี่ยนแปลงเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน |
|
|
การทบทวนความเสี่ยง
บริษัทให้ความสำคัญกับการทบทวนความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยบริษัททำการทบทวนโปรไฟล์ความเสี่ยงอย่างน้อยทุกไตรมาส ซึ่งครอบคลุมการตรวจสอบความเสี่ยงอย่างละเอียด การติดตามความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง และการประเมินตัวชี้วัดความเสี่ยงที่สำคัญ (KRI)
แนวทางการบริหารจัดการแบบสองชั้นนี้ช่วยให้บริษัทสามารถรับรู้และตอบสนองต่อความเสี่ยงใหม่ๆ หรือการเปลี่ยนแปลงของความเสี่ยงที่มีอยู่ได้อย่างทันท่วงที ด้วยการติดตามตัวชี้วัดความเสี่ยงที่สำคัญอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงสามารถปรับปรุงกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงให้สอดคล้องกับสถานการณ์และทันสมัยอยู่เสมอ การบริหารจัดการเชิงรุกนี้ช่วยให้ความเสี่ยงที่บริษัทยอมรับได้และมาตรการป้องกันความเสี่ยงยังคงสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป
การทบทวนความเสี่ยงอย่างละเอียดและสม่ำเสมอแสดงถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการสร้างระบบการจัดการความเสี่ยงที่ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ ซึ่งไม่เพียงแต่ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น แต่ยังช่วยให้บริษัทบรรลุวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์และสร้างความยั่งยืนในระยะยาวได้อย่างมั่นคง
การส่งเสริมวัฒนธรรมการบริหารความเสี่ยงในองค์กร
การกำหนดให้การบริหารจัดการความเสี่ยงเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดความสำเร็จ (KPI) ของแต่ละหน่วยงานในองค์กร บริษัทได้พัฒนาการบริหารจัดการความเสี่ยงขององค์กรให้เป็นวัฒนธรรมองค์กร โดยมุ่งให้การบริหารจัดการความเสี่ยงเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดความสำเร็จ (KPI) ของแต่ละหน่วยงานในองค์กร เพื่อมุ่งหมายให้หน่วยงานต่างๆ นำาตัวชี้วัดความสำเร็จ (KPI) มาใช้ในการประเมินผลการทำงานของพนักงานทุกระดับ เพื่อสร้างความตระหนักและส่งเสริมให้พนักงานทุกระดับมีส่วนร่วมในการบริหารความเสี่ยงอย่างจริงจัง
การประเมินประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ของการบริหารจัดการความเสี่ยงจะพิจารณาจากองค์ประกอบต่าง ๆ ได้แก่ การบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ การจัดการและป้องกันการเกิดเหตุอุบัติเหตุ และการปรับปรุงกระบวนการควบคุมภายในตามข้อตรวจพบของหน่วยงานตรวจสอบ เพื่อให้เกิดการพัฒนากระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
บริษัทให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการความเสี่ยงและความท้าทายต่าง ๆ อย่างยั่งยืนทั่วทั้งองค์กรในทุกหน่วยธุรกิจ ในปี 2567 บริษัทได้กำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จ (KPI) ผ่านกระบวนการทำงาน โดยผู้ขับเคลื่อนหลัก (Key driver) ต้องกำหนดและรับผิดชอบการปฏิบัติงานให้บรรลุผลสำเร็จใน 6 หัวข้อหลัก ได้แก่
บริษัทมุ่งสร้างวัฒนธรรมการบริหารความเสี่ยงภายในองค์กรผ่านหัวข้อการบริหารจัดการความเสี่ยงและแผนบรรเทาความเสี่ยง (Own Risk, Mitigation) ซึ่งเป็นหนึ่งใน 6 หัวข้อที่ผู้ขับเคลื่อนหลักและเจ้าของกระบวนการต้องพิจารณาและให้ความสำคัญ เพื่อให้การบริหารจัดการความเสี่ยงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการตอบสนองต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน นำไปสู่การเสริมสร้างให้เกิดการกำากับดูแลกิจการของบริษัทที่แข็งแกร่งและยั่งยืน
การสร้างความตระหนักเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงในองค์กร
บริษัทมุ่งมั่นในการสร้างความตระหนักและความเข้าใจด้านการบริหารความเสี่ยงให้แก่พนักงานทุกคน โดยจัดสรรทรัพยากรและให้การสนับสนุนด้านต่าง ๆ เพื่อให้พนักงานทุกคนรับรู้และเข้าถึงการบริหารความเสี่ยงได้อย่างทั่วถึง
บริษัทได้เผยแพร่นโยบายการบริหารความเสี่ยงผ่านทางเว็บไซต์บริษัท รวมทั้งจัดทำสื่อความรู้และเอกสารเผยแพร่เกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงในองค์กร และจัดหลักสูตรฝึกอบรมด้านการบริหารความเสี่ยงให้แก่พนักงาน ในปี 2566 บริษัทได้ส่งเสริมการให้ความรู้และความเข้าใจการบริหารจัดการความเสี่ยงในองค์กร ตั้งแต่กระบวนการวิเคราะห์ ประเมิน จัดการ ติดตาม และสื่อสารความเสี่ยงให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากสื่อการเรียนรู้ออนไลน์ของทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
พนักงานสามารถเข้าไปเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านระบบ @core และบริษัทได้จัดการบรรยายและการประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) เรื่องการประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment) - การบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Management - BCM) เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในกระบวนการบริหารความเสี่ยงให้กับพนักงานที่เกี่ยวข้องในโครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท ทั้งในส่วนของอาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า และธุรกิจค้าส่ง
การบริหารลูกค้าสัมพันธ์
AWC มีลูกค้าเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่สำคัญ การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าจึงเป็นหนึ่งในหัวข้อที่มีสาระสำคัญมากที่สุด เนื่องจากส่งผลกระทบโดยตรงต่อมิติทางเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลต่อความยั่งยืนของบริษัท ความต้องการของลูกค้าเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่บริษัทต้องรักษาคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์และบริการ การบริหารความสัมพันธ์ไม่ใช่แค่การเติบโตทางธุรกิจของบริษัทเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญสำหรับบริษัทในการให้บริการลูกค้าที่ดีขึ้นอีกด้วย ดังนั้น AWC จึงมุ่งมั่นที่จะสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าในทุกหน่วยธุรกิจ โดยการมอบบริการและผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง
AWC ได้ดำเนินโครงการการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้ากับลูกค้าและผู้เช่าในทุกหน่วยธุรกิจ รวมถึงธุรกิจสำนักงาน ธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก และธุรกิจโรงแรม ซึ่งกำหนดนโยบาย วัตถุประสงค์ และขั้นตอนสำหรับการพัฒนาความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า นอกจากนี้ AWC ยังได้พัฒนาแผนการตลาดและโปรแกรมต่างๆ เพื่อขยายฐานลูกค้า โปรแกรมในปี 2566 ได้แก่
แบบสำรวจความพึงพอใจของลูกค้า
เพื่อให้เข้าใจความต้องการของลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง จึงมีการปรับปรุงคุณภาพการบริการ และพัฒนาความสัมพันธ์ระยะยาว AWC ทำการสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าเป็นประจำทุกปี โดยการสำรวจจะใช้แบบสอบถามที่ประเมินปัญหาสำคัญต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกับกลยุทธ์ขององค์กร เช่น การมุ่งเน้นตลาด ผลิตภัณฑ์/บริการที่จัดให้ การบริหารจัดการความรู้ และผลการดำเนินธุรกิจ
ความพึงพอใจของลูกค้า | |||||
---|---|---|---|---|---|
ปี | 2564 | 2565 | 2566 | 2567 | เป้าหมายปี 2567 |
ผลลัพธ์ด้านความพึงพอใจของลูกค้า (%) | 73.52 | 74.35 | 73.35 | 77.41 | 74.00 |
ในปี 2566 AWC ได้ดำเนินการประเมินความพึงพอใจของลูกค้าเฉพาะโครงการที่กำลังดำเนินการอยู่เท่านั้น ซึ่งรวมถึงหน่วยงานเชิงพาณิชย์ ค้าปลีกและค้าส่ง และโรงแรม
การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน
AWC ตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน ด้วยความต้องการในการดำเนินธุรกิจที่โปร่งใส ยุติธรรม มีความรับผิดชอบต่อสังคม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ดังนั้นการพัฒนากระบวนการที่มีประสิทธิภาพและความยั่งยืนของห่วงโซ่อุปทานจึงเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้การดำเนินงานทางธุรกิจของ AWC ดำเนินไปอย่างราบรื่น ลดความเสี่ยง และตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย ทั้งหมดนี้จะช่วยเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันของ AWC เมื่อเทียบกับคู่แข่ง
เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถจัดการกับความท้าทายใหม่ ๆ ได้อย่างเหมาะสม AWC จึงได้ประกาศใช้จรรยาบรรณสำหรับคู่ค้า (SCoC) )กับคู่ค้าของ AWC ทุกราย เพื่อเป็นมาตรฐานและข้อตกลงร่วมกันว่าคู่ค้าทุกรายจะไม่กระทำกิจกรรมใด ๆ ที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อ สิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล โดยในทุกปีคู่ค้าจะต้องลงนามรับทราบจรรยาบรรณสำหรับคู่ค้า (SCoC) และส่งแบบฟอร์มการยอมรับกลับมายัง AWC หากคู่ค้ารายใดที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดพื้นฐานของจรรยาบรรณสำหรับคู่ค้า (SCoC) AWC มีมาตรการต่าง ๆ รวมถึงการยกเลิกสัญญาคู่ค้า และ/หรือการถอดออกจากฐานคู่ค้าของ AWC ในกรณีที่พบว่าคู่ค้าไม่ปฏิบัติตาม หรือมีข้อติติงเชิงลบโดยไม่มีการดำเนินการแก้ไขภายในระยะเวลาที่กำหนด
ข้อกำหนดในมาตรฐานทางจริยธรรมสำหรับคู่ค้าของ AWC ครอบคลุมถึงการกำกับดูแลกิจการ จริยธรรมทางธุรกิจ สิทธิมนุษยชนและการปฏิบัติต่อแรงงาน สุขภาพและความปลอดภัยในการทำงาน และการจัดการสิ่งแวดล้อม
เพื่อให้มั่นใจในการนำจรรยาบรรณสำหรับคู่ค้า (SCoC) และหลักการปฏิบัติ ESG ของคู่ค้าจะถูกใช้ในการบริหารจัดการคู่ค้าอย่างยั่งยืน หัวหน้าคณะสายงานการตลาดเชิงกลยุทธ์และและความยั่งยืน(CST) และหัวหน้าคณะสายงานบริหารกลาง (CCO) ได้รับการแต่งตั้งให้กำหนดนโยบายเชิงกลยุทธ์และดูแลการจัดซื้อ รวมถึง ประสิทธิภาพด้าน ESG ของคู่ค้า ให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ความยั่งยืนและเป้าหมายระยะยาวของ AWC นอกเหนือจากการนำ SCoC มาใช้ ซึ่งได้รับการรับรองจากคณะกรรมการบริษัท AWC ยังได้พัฒนานโยบายการคัดเลือกคู่ค้าและนโยบายการจัดจัดจ้างอย่างมีความรับผิดชอบ เพื่อเน้นย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างการจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ AWC ยังจัดการแบ่งปันความรู้ภายในให้กับทีมจัดซื้อเพื่อให้พวกเขาเข้าใจบทบาทและความรับผิดชอบของตนในการพัฒนาการจัดซื้ออย่างยั่งยืนอีกด้วย
กลยุทธ์ด้านการจัดการห่วงโซ่อุปทาน
เพื่อสร้างความมั่นใจว่าการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานของเรานั้นสนับสนุนกลยุทธ์และทิศทางการเติบโตของบริษัท AWC จึงได้จัดทำกลยุทธ์การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานขึ้นมา 5 กลยุทธ์ เพื่อส่งเสริมความเข้มแข็งของ AWC และยกระดับมาตรฐานด้านความยั่งยืนของคู่ค้า ดังนี้
วัตถุประสงค์การดำเนินงานหลัก | รายละเอียด | การเชื่อมโยงไปยังกลยุทธ์ฯ |
---|---|---|
การปรับปรุงมาตรฐานด้านความปลอดภัย | อาชีวอนามัย และความปลอดภัยเป็นหนึ่งในหัวข้อการประเมินผลการดำเนินงานของคู่ค้า ซึ่งคู่ค้าจำเป็นต้องมีการดำเนินงานตามข้อกำหนดของกฎหมายทั้งทางด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม บริษัทให้ความสำคัญกับการตรวจประเมินรับรองมาตรฐานโดยผู้ตรวจประเมินอิสระ คู่ค้ารายใดที่สามารถแสดงผลการตรวจประเมินรับรอง ฯ จะได้รับการพิจารณาคะแนนระดับที่สูงกว่าคู่ค้าที่ไม่มีผลการตรวจประเมินรับรอง ฯ กรณีที่คู่ค้ามีเหตุการณ์หรือ การดำเนินงานที่ไม่สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านความปลดภัยก็จะถูกหักคะแนนการประเมินจำนวน 2 คะแนนต่อครั้งที่พบความไม่สอดคล้อง |
|
การป้องกันการฉ้อโกงอย่างเต็มประสิทธิภาพ | การป้องกันการทุจริตเป็นหนึ่งในประเด็นที่ AWC ให้ความสำคัญและเน้นย้ำมาโดยตลอด ซึ่งเป็นข้อกำหนดพื้นฐานในจรรยาบรรณธุรกิจของบริษัท และจรรยาบรรณการดำเนินธุรกิจสำหรับคู่ค้า เพื่อป้องกันการทุจริตตลอดห่วงโซ่อุปทาน AWC ได้ดำเนินการเพิ่มมาตรการและการตรวจสอบรอบด้านในกระบวนการดำเนินงานของบริษัท และการดำเนินธุรกิจงานของคู่ค้า |
|
เพื่อสร้างความมั่นใจว่ากลยุทธ์ฯ ได้ถูกนำไปปฎิบัติอย่างครบถ้วนและประสบความสำเร็จ AWC จึงได้จัดตั้ง KPI ดังนี้
- ร้อยละ 100 ของคู่ค้าที่มีความสำคัญลำดับที่ 1 ลงนามรับทราบและนำจรรยาบรรณธุรกิจสำหรับคู่ค้าไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
- ร้อยละ 100 ของคู่ค้าที่มีความสำคัญลำดับที่ 1 มีแผนบรรเทาและแผนการแก้ไขความเสี่ยงที่พบภายใน 12 เดือน
- ร้อยละ 100 ของคู่ค้าที่มีความสำคัญลำดับที่ 1 ปฏิบัติตามกฏหมายด้านความปลอดภัย สิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด
- ร้อยละ 100 ของคู่ค้าจากรายชื่อคู่ค้าที่ได้รับการอนุมัติจะได้รับการประเมินด้านความยั่งยืนผ่านแบบสอบถามแบบตนเอง ซึ่งได้รับการพัฒนาสอดคล้องกับมาตรฐานสากล เช่น ISO14000, ISO18000, ISO26000 และ มาตรฐานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
การบริหารจัดการคู่ค้า
AWC มีระบบการบริหารจัดการคู่ค้าที่โปร่งใสและมีจริยธรรม ระบบนี้ใช้สำหรับการคัดเลือกคู่ค้าที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ซึ่งจะสามารถช่วยสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีระยะยาวระหว่างบริษัทและคู่ค้าได้ อีกทั้งยังนำไปสู่การเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า ระบบการจัดการครอบคลุม:
กระบวนการจัดการห่วงโซ่อุปทาน
จรรยาบรรณธุรกิจของคู่ค้า
AWC ได้พัฒนาจรรยาบรรณสำหรับคู่ค้า หรือ SCoC ซึ่งกำหนดมาตรฐานและแนวปฏิบัติขั้นต่ำสำหรับคู่ค้าของเรา ซึ่งครอบคลุมหลักการดังต่อไปนี้:
จรรยาบรรณสำหรับคู่ค้า (SCoC) จะถูกเผยแพร่ไปยังคู่ค้า พร้อมกับสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง คู่ค้าจะต้องลงนามยอมรับและปฏิบัติตามหลักการที่กำหนดไว้ใน SCoC อย่างเคร่งครัด หากมีการไม่ปฏิบัติตาม การกระทำผิด หรือการละเมิด SCoC คู่ค้า อาจได้รับโทษในระดับที่แตกต่างกัน บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการระงับ ยกเลิกสัญญา แก้ไขข้อกำหนดเฉพาะของสัญญา และถอดผู้ขายออกจากรายชื่อคู่ค้าที่ได้รับอนุมัติ
เพื่อสนับสนุนการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพ บริษัทจัดให้มีการฝึกอบรมอย่างครอบคลุมสำหรับทีมจัดซื้อและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องภายใน และคู่ค้ารายสำคัญทั้งหมด ผ่านการอบรมเชิงปฏิบัติการ เน้นความเข้าใจเกี่ยวกับกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของ AWC และบทบาทสำคัญของพวกเขาในโปรแกรม ESG ของคู่ค้า การฝึกอบรมนี้ช่วยให้พวกเขามีความรู้และเป็นเครื่องมือที่จำเป็นในการประเมิน ตรวจสอบ และบังคับใช้การปฏิบัติตาม SCoC ของคู่ค้า
นอกจากนี้ AWC ยังสนับสนุนให้คู่ค้าพัฒนา SCoC ของตนเองและเผยแพร่ไปยังคู่ค้าหรือผู้รับเหมาของตนเอง นี่คือการสร้างผลกระทบอย่างยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทาน
ในปี 2566 คู่ค้าที่มีความสำคัญลำดับที่ 1 ทั้งหมด 100% ยอมรับและปฏิบัติตาม SCoC อย่างเคร่งครัด
จรรยาบรรณและแนวปฏิบัติ
คู่ค้าของ AWC
ห่วงโซ่อุปทานของ AWC ประกอบด้วยคู่ค้าทั้งหมดในพื้นที่ปฏิบัติงาน ซึ่งเป็นผู้ผลิต ผู้จัดหาสินค้าและวัสดุ ผู้ให้บริการ และผู้จัดจำหน่าย
การคัดเลือกและประเมินคู่ค้า
AWC ได้จัดตั้งระบบเพื่อคัดกรองคู่ค้ารายใหม่ผ่าน ‘แบบฟอร์มใบสมัครสำหรับคู่ค้ารายใหม่’ และทบทวนคุณสมบัติของคู่ค้าปัจจุบันผ่าน 'แบบฟอร์มประเมินผลการปฏิบัติงานของคู่ค้า' แบบฟอร์มเหล่านี้ได้รวมเกณฑ์ ESG และการทบทวนเป็นประจำซึ่งสอดคล้องกับจรรยาบรรณสำหรับคู่ค้า (SCoC) เพื่อให้มั่นใจว่าคู่ค้าของเราจะมีความสามารถเพียงพอในการส่งมอบมูลค่าที่ดีที่สุดให้กับ AWC และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องของเราตลอดห่วงโซ่คุณค่า
เกณฑ์การคัดกรองผู้ขายรายใหม่ใน ‘แบบฟอร์มใบสมัครสำหรับคู่ค้ารายใหม่’
- สถานะทางการเงิน
- การรับประกันและการควบคุมคุณภาพ
- น่าเชื่อถือ
- ไม่ถูกแบน
- ปราศจากผลประโยชน์ทับซ้อนกับธุรกิจของ AWC
- สอดคล้องกับมาตรฐาน ESG ที่เกี่ยวข้อง รวมถึง ISO 14000, ISO 26000 และ ISO 45000
- ปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี
คู่ค้าที่ผ่านกระบวนการคัดเลือกต้องได้คะแนนการประเมิน 80-100% เพื่อผ่านเกณฑ์การคัดเลือก ซึ่งเกณฑ์ ESG จะมีน้ำหนัก 20% ของคะแนนรวม
นอกจากนี้ AWC ยังดำเนินการประเมินผลการปฏิบัติงานของคู่ค้าปัจจุบันเมื่อส่งมอบบริการหรือผลิตภัณฑ์แล้วผ่าน 'แบบฟอร์มประเมินผลการปฏิบัติงานของคู่ค้า' ซึ่งเกณฑ์ ESG จะมีน้ำหนัก 10% ของคะแนนรวม
Cเกณฑ์การประเมินคู่ค้าปัจจุบันใน ‘แบบฟอร์มประเมินผลการปฏิบัติงานของคู่ค้า’ ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นโดยให้สอดคล้องกับมาตรฐาน ISO 14001 ISO 45001 ISO 14064-1
- การส่งมอบผลิตภัณฑ์/บริการที่เสร็จสมบูรณ์ตรงเวลา
- คุณภาพของผลิตภัณฑ์/บริการและบุคลากร
- มารยาทในการสื่อสารและความสะดวกในการประสานงาน
- การปฏิบัติตามกฎระเบียบและข้อบังคับด้านอาคาร
- ความมุ่งมั่นต่อการมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพ ความปลอดภัย สังคม ความมั่นคง การกำกับดูแลกิจการที่ดี และความยั่งยืน
การคัดเลือกคู่ค้า
การจัดการห่วงโซ่อุปทานเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจของบริษัท สามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และลดความเสี่ยงทางธุรกิจ เพื่อส่งมอบการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้กับห่วงโซ่คุณค่า โดยคู่ค้ามีบทบาทสำคัญ เนื่องจาก AWC พึ่งพาพันธมิตรทางธุรกิจเหล่านี้ในการดำเนินธุรกิจอย่างราบรื่น
เพื่อจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากคู่ค้าและจำแนกคู่ค้ารายสำคัญ บริษัทมีเกณฑ์ในการคัดเลือกคู่ค้า ดังนี้:
- ผลการประเมินคู่ค้าปัจจุบัน
- ความเสี่ยงในระดับประเทศ: คู่ค้าของ AWC 100% ตั้งอยู่ในประเทศไทย
- ความเสี่ยงในภาคอุตสาหกรรม: แบ่งออกเป็น 8 อุตสาหกรรม:
- อาหารและอุตสาหกรรมเกษตร
- สินค้าอุปโภคบริโภค
- ประกันภัยและการเงิน
- อุตสาหกรรม
- อสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง
- ทรัพยากร
- บริการ
- เทคโนโลยี
- สินค้าโภคภัณฑ์: แบ่งออกเป็นประเภทของผลิตภัณฑ์และบริการ
- ธุรกิจเกษตร
- อาหารและเครื่องดื่ม
- แฟชั่น
- สินค้าบ้านและสำนักงาน
- ผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคลและยา
- ธนาคาร
- การเงินและหลักทรัพย์
- ประกันภัย
- ยานยนต์
- วัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร
- บรรจุภัณฑ์
- กระดาษและวัสดุการพิมพ์
- ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์
- เหล็ก
- วัสดุก่อสร้าง
- บริการก่อสร้าง
- การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
- กองทุนอสังหาริมทรัพย์และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์
- พลังงานและสาธารณูปโภค
- เหมืองแร่
- การค้า
- บริการดูแลสุขภาพ
- สื่อและสิ่งพิมพ์
- บริการมืออาชีพ
- การท่องเที่ยวและสันทนาการ
- การขนส่งและโลจิสติกส์
- ส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์
- เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
AWC มีแนวทางการจัดการที่แตกต่างกันสำหรับคู่ค้าแต่ละประเภท นอกเหนือจากแนวปฏิบัติทั่วไป โดยบริษัทได้สื่อสารถึงความคาดหวังในเรื่องความโปร่งใส และการดำเนินธุรกิจที่สุจริตและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในห่วงโซ่อุปทาน เพื่อส่งมอบมาตรฐานที่สูงขึ้นในห่วงโซ่คุณค่าของเรา AWC มีเป้าหมายในการปรับปรุงการจัดการห่วงโซ่อุปทานและทำให้คู่ค้ามีพัฒนาอย่างยั่งยืนและเติบโตไปพร้อมกับบริษัท
ในกระบวนการจัดซื้อ AWC ยึดมั่นในหลักการความโปร่งใสและความรับผิดชอบ นอกจากนี้ เรายังได้รวมข้อกำหนดด้านความยั่งยืนไว้ในขั้นตอนก่อนการประมูล เช่น ข้อกำหนดด้านสุขภาพและความปลอดภัยในการทำงาน (OHS) การส่งเสริมการใช้สินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น วัสดุรีไซเคิล ในขณะที่ยึดมั่นการออกแบบที่ได้ตามมาตรฐานสากล
AWC จำแนกประเภทคู่ค้าเราออกเป็น 3 ประเภท เพื่อทำความเข้าใจคู่ค้าที่มีผลกระทบสำคัญต่อความได้เปรียบในการแข่งขัน ความสำเร็จในตลาด และการดำเนินธุรกิจของ AWC
3 ประเภทของคู่ค้า ได้แก่:
1. คู่ค้าลำดับที่ 1 (Tier-1 supplier)
- ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโดยตรง
2. คู่ค้าที่สำคัญ/สำคัญลำดับ 1 (Significant/critical tier-1 suppliers) คือ คู่ค้าโดยตรงที่มีค่าใช้จ่ายรวม 80% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดในกลุ่มคู่ค้าลำดับที่ 1 (Tier-1 supplier)
- คู่ค้าที่ไม่สามารถทดแทนได้ เช่น คู่ค้าด้านการก่อสร้างและวิศวกรรมขั้นสูง และคู่ค้าที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่หาแหล่งอื่นมาแทนได้ยาก ถือเป็นส่วนประกอบหรืออุปกรณ์ที่สำคัญในการผลิต
- คู่ค้าที่มีระดับความเสี่ยงสูง รวมถึงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ตัวอย่างเช่น คู่ค้าที่มีสัญญาระยะยาว ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่ไม่สามารถทดแทนได้ และความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมขั้นสูง และการใช้จ่ายสูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตและบริการของ AWC
- คู่ค้าที่จำหน่ายอุปกรณ์หรือบริการที่สำคัญต่อการผลิตที่มีปริมาณการซื้อจำนวนมาก
- คู่ค้าที่จำหน่ายอุปกรณ์หรือบริการที่มีมูลค่าสูง ซึ่งมีความสำคัญต่อการผลิต
3. คู่ค้าทางอ้อมที่สำคัญ/สำคัญ (Significant/Critical non-Tier 1 Suppliers)
- คู่ค้าที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจโดยตรงกับ AWC แต่เกี่ยวข้องกับการค้ากับคู่ค้าของ AWC คู่ค้าเหล่านี้ถูกเลือกจากรายชื่อคู่ค้าของคู่ค้าระดับ 1 ที่สำคัญของ AWC
การแบ่งประเภทคู่ค้าในปี 2566
ประเภทคู่ค้า | ราย |
---|---|
1.1 คู่ค้าลำดับที่ 1 (Tier-1 supplier) | 2,085 |
1.2 คู่ค้าที่สำคัญ/สำคัญลำดับ 1 (Significant/critical tier-1 suppliers) | 68 |
1.3 % ของการใช้จ่ายทั้งหมดกับคู่ค้าที่สำคัญ/สำคัญลำดับ 1 (Significant/critical tier-1 suppliers) | 80.4% |
1.4 คู่ค้าทางอ้อมที่สำคัญ/สำคัญ (Significant/Critical non-Tier 1 Suppliers) | 26 |
1.5 คู่ค้าทางตรง/ทางอ้อมที่สำคัญ/สำคัญลำดับ 1 (Significant/Critical suppliers (Tier-1 and non-Tier-1)) | 94 |
การประเมินและประเมินคู่ค้า
เพื่อควบคุมความเสี่ยงด้าน ESG บริษัทดำเนินการตรวจสอบคู่ค้าประจำปี โดยพิจารณาจากประเภท การใช้จ่าย และระดับความเสี่ยงของผลการประเมินความเสี่ยแบบ ESG คู่ค้าทั้งหมดจากรายชื่อผู้คู่ค้าที่ได้รับการอนุมัติจะทำแบบสอบถามการประเมินตนเองและการประเมินแบบวิเคราะห์เอกสาร (Desk assessment) ครอบคลุมเกณฑ์ทั้งหมดที่ระบุไว้ในแบบฟอร์มการประเมินคู่ค้าและเทียบกับ SCoC เกณฑ์การประเมินได้รับการออกแบบมาเพื่อประเมินการจัดการ ESG โดยรวมและประสิทธิภาพทางธุรกิจของคู่ค้าโดยรวมถึงหลักการที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลที่ได้รับการยอมรับ เช่น ISO 14001, ISO 26000 และ ISO 45001 หลังจากการประเมินตนเอง ทีมจัดซื้อของ AWC ดำเนินการตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียด โดยอ้างอิง0kdข้อมูลที่รายงานด้วยตนเองกับเอกสารประกอบเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของคำตอบ รวมทั้งประเมินความเสี่ยงด้านการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับ ESG ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและชื่อเสียงของ AWC
การประเมินยังมีวัตถุประสงค์เพื่อระบุพื้นที่สำหรับการปรับปรุง เพื่อให้แน่ใจว่าแนวปฏิบัติของคู่ค้ายังคงสอดคล้องกับวัตถุประถม์ด้านความยั่งยืนของ AWC นอกจากนี้ AWC ยังดำเนินการตรวจสอบ ESG ณ พื้นที่ปฏิบัติงาน (On-site audit) เพื่อประเมินความเสี่ยงด้านความของคู่ค้าที่สำคัญ ซึ่งมีเกณฑ์ใรการประเมินสอดคล้องกับสุขภาพและความปลอดภัยในสถานที่ปฏิบัติงาน เช่น การระบุอันตรายและการประเมินความเสี่ยง (HIRA) โดยมุ่งเน้นที่ประเด็น เช่น การบาดเจ็บของพนักงานจากสารเคมี สภาพแวดล้อมในการทำงาน การใช้เครื่องจักร และการปฏิบัติตามมาตรฐาน ESG ในขั้นต้น บริษัทเลือกคู่ค้าสำหรับการประเมินความเสี่ยงด้านความยั่งยืน ณ พื้นที่ปฏิบัติงาน โดยพิจารณาจากเกณฑ์ เช่น มีปริมาณการซื้อมากกว่า 80% กับบริษัท และการดำเนินงานมีแนวโน้มที่จะมีหรือก่อให้เกิดผลกระทบด้าน ESG เชิงลบ (คู่ค้าที่มีความเสี่ยงสูงด้าน ESG) ซึ่งนำผลลัพธ์จากการตรวจประเมินแบบวิเคราะห์เอกสารและ 'แบบฟอร์มการประเมินผลการปฏิบัติงานของคู่ค้า' และ 'การประเมินความเสี่ยงด้าน ESG ของคู่ค้า มาตัดสินใจ
เกณฑ์การประเมินและแนวทางบริหารจัดการของบริษัท
นอกจากนี้ ในกรณีที่พบว่าคู่ค้ามีผลการประเมินเชิงลบ บริษัทจะสรุปผลการตรวจสอบและจัดทำแผนการแก้ไขปัญหา โดยระบุขั้นตอนในการแก้ไขปัญหาที่ระบุไว้ บริษัทจะให้การสนับสนุนที่จำเป็นแก่คู่ค้า รวมถึงการแบ่งปันความรู้และคำแนะนำในการดำเนินการ เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินการแก้ไขปัญหาและป้องกันการเกิดซ้ำ
ผลการประเมินความเสี่ยงคู่ค้า
ขอบเขตและความคืบหน้าของโครงการประเมินคู่ค้าของเรา
การประเมินความเสี่ยงคู่ค้า | ปี 2566 | เป้าหมายปี 2566 |
---|---|---|
จำนวนคู่ค้าทั้งหมดที่ได้รับการประเมินผ่านการประเมินแบบวิเคราะห์เอกสารทำงานหรือการประเมิน onsite | 68 | 68 |
% ของคู่ค้าสำคัญที่ได้รับการประเมิน | 72 | |
จำนวนคู่ค้าที่ได้รับการประเมินและมีความเสี่ยงเชิงลบที่สำคัญหรืออาจเกิดขึ้นได้ | 8 | |
% ของคู่ค้าที่มีความเสี่ยงเชิงลบที่สำคัญหรืออาจเกิดขึ้นได้ และมีแผนการแก้ไข/ปรับปรุงที่ตกลงกัน | 100% | |
จำนวนคู่ค้าที่มีความเสี่ยงเชิงลบที่สำคัญหรืออาจเกิดขึ้นได้ และถูกยกเลิกสัญญา | 0 |
แผนการดำเนินการแก้ไข และการสนับสนุน | ปี 2566 | เป้าหมายปี 2566 |
---|---|---|
จำนวนคู่ค้าทั้งหมดที่ได้รับการสนับสนุนในการดำเนินแผนการแก้ไข | 8 | 100 |
% ของคู่ค้าที่ประเมินว่ามีความเสี่ยงสูงหรือมีความเสี่ยงที่จะเกิดผลกระทบเชิงลบอย่างมีนัยสำคัญ และได้รับการสนับสนุนแผนการดำเนินการแก้ไข | 100% |
แผนการดำเนินการแก้ไข และการสนับสนุน | ปี 2566 | เป้าหมายปี 2566 |
---|---|---|
จำนวนคู่ค้าทั้งหมดที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาศักยภาพ | 68 | 68 |
% ของคู่ค้าที่สำคัญและที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาศักยภาพ | 72% |
การบริหารความสัมพันธ์และการพัฒนาศักยภาพคู่ค้า
AWC ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งกับคู่ค้า บริษัทสนับสนุนการเติบโตและความสามารถของคู่ค้าอย่างจริงจัง วิธีการนี้เป็นการพัฒนาและร่วมเติมโตไปพร้อมกันโดย AWC ส่งเสริมห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่นสอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัท ในขณะที่คู่ค้าได้รับทักษะและความรู้ในการปรับตัวให้เข้ากับความท้าทายและประสบความสำเร็จในตลาด ส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนร่วมกัน
AWC ได้จัดฝึกอบรมเฉพาะบุคคลและโครงการพัฒนาศักยภาพระยะยาวสำหรับคู่ค้าที่สำคัญทั้งหมด โดยการฝึกอบรมแต่ละครั้งได้รับการออกแบบตามผลการประเมินคู่ค้า ความสนใจของคู่ค้า เทรนด์ความยั่งยืนปัจจุบัน และกลยุทธ์ความยั่งยืนของบริษัท โครงการนี้มุ่งเน้นให้คู่ค้ามีทักษะและความรู้ที่จำเป็นในการผนวกแนวปฏิบัติที่ยั่งยืนเข้ากับการดำเนินงานของตน สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของเราในการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่นและยั่งยืน
โครงการพัฒนาศักยภาพคู่ค้า ปี 2566
Supplier’s Day
ในวันที่ 25 กรกฎาคม 2567 AWC ได้จัดโครงการพัฒนาศักยภาพคู่ค้า “Supplier’s Day 2024” โดยมุ่งเน้นการทำความเข้าใจเกี่ยวกับจรรยาบรรณสำหรับคู่ค้า (SCoC) และแนวปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน บริษัทมีเป้าหมายที่จะปลูกฝังวัฒนธรรมความยั่งยืนตลอดทั้งเครือข่าย โดยวิธีการร่วมมือกันนี้จะช่วยให้ทั้ง AWC และ คู่ค้าดำเนินงานอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม
การฝึกอบรมด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (OHS)
บริษัทจัดโครงการพัฒนาศักยภาพคู่ค้าผ่านการฝึกอบรมด้านแนวทางปฏิบัติ โดยเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน (จป.) ในประเด็นด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยให้แก่คู้ค้าและผู้รับเหมาในทุกโครงการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ และ แนวทางในการป้องกันอุบัติเหตุ ซึ่งมีเป้าหมายหลักในการลดและควบคุมความเสี่ยงของอันตรายที่จะเกิดกับผู้รับเหมา โดยในปี 2566 บริษัทได้จัดกิจกรรมฝึกอบรมด้านอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานให้กับพนักงานใหม่และคู่ค้า 50 ราย
การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและสารสนเทศ
AWC มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อการรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล โดยปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี และปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับ กฎระเบียบ และขั้นตอนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด บริษัทได้ประยุกต์ใช้และยึดถือแนวปฏิบัติและมาตรฐานสากลที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของข้อมูล พร้อมกับเปิดเผยข้อมูลต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างโปร่งใส นอกจากนี้ AWC ยังให้ความสำคัญกับการสร้างระบบที่แข็งแกร่งและมาตรการในการปกป้องข้อมูล พร้อมทั้งปรับตัวให้ทันกับภัยคุกคามใหม่ ๆ เพื่อรักษาความไว้วางใจของลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
AWC ได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Sub-Committee) ซึ่งประกอบด้วยผู้บริหารที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยมีหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารองค์กร (Chief Corporate Officer: CCO) เป็นประธานคณะอนุกรรมการฯ และมีหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน (Chief Financial Officer: CFO), หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจดิจิทัล (Chief Digital Business Officer: CDBO), และหัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศร่วมเป็นคณะกรรมการฯ โดยมีเลขานุการฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศทำหน้าที่เป็นเลขานุการ
โครงสร้างนี้ทำให้มั่นใจว่าการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการลงทุนสอดคล้องกับวัตถุประสงค์และระเบียบที่กำหนดโดยคณะกรรมการบริษัท และมติของผู้ถือหุ้น คณะอนุกรรมการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศต้องจัดการประชุมในสัปดาห์ที่สามของทุกเดือน และแจ้งคณะกรรมการบริษัทล่วงหน้าอย่างน้อยเจ็ดวัน โดยมีหน้าที่หลักในการดูแลความปลอดภัยของข้อมูลภายในบริษัท ดังนี้:
- ประเมินและทบทวนกลยุทธ์ โครงสร้าง นโยบายด้านความปลอดภัย กระบวนการ และขั้นตอนการดำเนินงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
- ให้ความสำคัญกับโครงการปัจจุบันและโครงการใหม่ รวมถึงกำจัดการซ้ำซ้อน
- ติดตาม ทบทวน และประเมินโครงการเทคโนโลยีสารสนเทศทั้งเก่าและใหม่ รวมถึงการใช้จ่ายงบประมาณและผลประโยชน์ที่ได้รับ
- รายงานความคืบหน้าของกลยุทธ์เทคโนโลยีสารสนเทศ โครงการ นโยบายที่ดำเนินการ และการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดหลักด้านเทคโนโลยีสารสนเทศให้กับคณะกรรมการบริหาร (MACO)
คณะอนุกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศ
การตระหนักถึงความมั่นคงปลอดภัย
AWC ส่งเสริมการตระหนักรู้เกี่ยวกับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล ผ่านการสื่อสารภายในและการฝึกอบรม
รวมถึงการตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกำหนดภายในอย่างสม่ำเสมอ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศได้ติดตั้งระบบป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลเพื่อลดความเสี่ยงต่าง ๆ นอกจากนี้ บริษัทยังได้พัฒนาแผนการตอบสนองต่อเหตุการณ์ด้านข้อมูลและความปลอดภัย เพื่อจัดการกับปัญหาด้านข้อมูลและความปลอดภัยอย่างเป็นระบบ แผนนี้จะช่วยให้พนักงานและบุคคลภายนอก (ผู้รับเหมา) ที่รับผิดชอบในการจัดเก็บข้อมูลและข้อมูลสารสนเทศของ AWC สามารถรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ AWC ยังได้พัฒนาระบบป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลเพื่อลดความเสี่ยงในการถูกละเมิดข้อมูลและเพิ่มประสิทธิภาพของโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบนี้รวมถึงการป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล การป้องกันจุดเชื่อมต่อ การจำแนกข้อมูล การเข้ารหัสข้อมูล และความปลอดภัยของอีเมล นอกจากนี้ บริษัทยังส่งเสริมวัฒนธรรมการใช้งานข้อมูลอย่างมีความรับผิดชอบ ซึ่งช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพของโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที AWC ได้ส่งเสริมความตระหนักรู้ด้านการปกป้องข้อมูล ผ่านการสื่อสารข่าวสารด้านไอทีใหม่ ๆ ผ่านจดหมายข่าว และการตรวจสอบภายใน
แผนรับมืออุบัติการณ์ความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลและสารสนเทศ
AWC ได้พัฒนาแผนรับมืออุบัติการณ์ความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลและสารสนเทศเพื่อบริหารจัดการปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและสารสนเทศอย่างเป็นระบบ แผนรับมืออุบัติการณ์นี้ได้รับการออกแบบให้สามารถใช้ได้กับ AWC และบุคคลภายนอก (ผู้รับจ้าง) ที่รับผิดชอบการจัดเก็บข้อมูลและสารสนเทศของ AWC
AWC พัฒนาระบบป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลของบริษัทให้ลดความเสี่ยงจากการละเมิดข้อมูลในขณะที่ปรับปรุงประสิทธิภาพของโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT ทั้งนี้ ด้วยแนวทางปฏิบัติในการใช้ข้อมูลอย่างมีจริยธรรมเคร่งครัด AWC สร้างวัฒนธรรมการใช้ข้อมูลอย่างรับผิดชอบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้โครงสร้างพื้นฐานด้าน IT บริษัทสร้างความตระหนักเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูล สื่อสารข่าว IT ที่เกิดขึ้นใหม่ผ่านจดหมายข่าว และดำเนินการตรวจสอบภายใน
AWC ให้การรับรองแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเราว่าเราพร้อมรับมือวิกฤตที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศที่อาจเกิดขึ้น
สมรรถนะของ IT และความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์
2563 | 2564 | 2565 | 2566 | เป้าหมายปี 2566 | |
---|---|---|---|---|---|
การละเมิดการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลหรืออุบัติการณ์ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์อื่น ๆ | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 |
ลูกค้าและพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการละเมิดข้อมูลของบริษัท | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 |
แนวทางปฏิบัติด้านภาษีอากรของบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน)
AWC มุ่งมั่นที่จะสร้างมูลค่าระยะยาวให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย และเป็นพลเมืององค์กรที่ดี มีความรับผิดชอบ การปฏิบัติทางภาษีของเราสอดคล้องกับค่านิยมของบริษัท และปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับด้านภาษีที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในเขตอำนาจศาลที่เราดำเนินงาน เราตีความกฎหมายภาษีตามเจตนารมณ์ที่แท้จริง และหลีกเลี่ยงโอกาสในการเอารัดเอาเปรียบใดๆ บริษัทได้ประกาศใช่นโยบายภาษีนี้โดยได้รับการรับรองจากประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ในฐานะสมาชิกคณะกรรมการบริษัท
การปฏิบัติตามกฎหมายภาษีอากรอย่างมีความรับผิดชอบ
AWC มุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามกฎหมายภาษีอากรและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องทุกประเภทอย่างถูกต้องในทุกประเทศและ/หรืออาณาเขตที่บริษัทเข้าไปดำเนินธุรกิจ โดยบริษัทจะดำเนินธุรกิจและบริหารจัดการโครงสร้างภาษีให้สอดคล้องกับทั้งเจตนารมณ์และตัวบทของกฎหมายนั้น รวมถึงจะไม่แสวงหาผลประโยชน์ใดๆ จากช่องว่างของกฎหมายภาษีอากร
การวางแผนโครงสร้างทางภาษีอย่างเหมาะสม
AWC มุ่งมั่นในการสร้างความมั่นใจเรื่องการบริหารจัดการโครงสร้างภาษีต่อผู้ถือหุ้น พันธมิตรทางธุรกิจรวมถึงพนักงาน โดยจะบริหารงานด้านภาษีด้วยความโปร่งใสและจะไม่สร้างภาระภาษีโดยไม่จำเป็นซึ่งจะส่งผลเสียต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท ซึ่งหมายความว่าเราจะมีส่วนร่วมในการวางแผนภาษีอากรอย่างเหมาะสมเพื่อให้มั่นใจได้ว่าบริษัทจะไม่มีภาระภาษีซ้ำซ้อนอันเกิดขึ้นจากเงินได้หรือธุรกรรมเดียวกัน และเพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทตกอยู่ในสถานการณ์ที่มีภาระภาษีมากกว่าที่กฎหมายกำหนดโดยไม่จำเป็น
บริษัทอาจใช้ประโยชน์จากมาตรการทางภาษีหรือการยกเว้นภาษีตามที่กฎหมายให้การสนับสนุนหรืออนุญาตให้กระทำได้เมื่อมีความเหมาะสม
บริษัทจะไม่ทำธุรกรรมอันอาจมีความเสี่ยงที่จะเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจซึ่งหมายรวมถึงการหนีภาษีอากรหรือการสนับสนุนการหนีภาษีอากร นอกจากนี้บริษัทจะไม่กระทำการถ่ายโอนรายได้หรือกำไรไปยังประเทศและ/หรืออาณาเขตที่มีอัตราภาษีต่ำ สร้างธุรกรรมหรือธุรกิจเพื่อลดภาษีโดยไม่มีเหตุผลการทางการค้า และไม่ดำเนินธุรกิจในประเทศหรืออาณาเขตที่เป็นเขตปลอดภาษีหรือปกปิดข้อมูล (Tax haven) เพื่อการหลีกเลี่ยงภาษี
การกำหนดราคาโอนอย่างเหมาะสม
บริษัทมุ่งหมายที่จะจ่ายภาษีในจำนวนที่เหมาะสมตามมูลค่าเพิ่มที่เกิดขึ้นภายใต้การดำเนินการทางการค้าที่เป็นปกติ บริษัทจะคำนวณราคาโอนที่เกิดขึ้นระหว่างบริษัทในเครือให้เป็นไปตามราคาตลาด
เรามุ่งมั่นที่จะเป็นพลังขับเคลื่อนที่ดีในการสร้างเสริมห่วงโซ่คุณค่าที่แข็งแกร่งสู่ความยั่งยืน เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่าร่วมกัน
การสนับสนุนต่อภาคส่วนต่างๆ
รายชื่ององค์กร | รูปแบบองค์กร | จำนวนเงินที่สนับสนุน (บาท) | |||
2563 | 2564 | 2565 | 2566 | ||
1. หอการค้าออสเตรเลีย-ไทย | สมาคมการค้า | 19,260 | 19,371 | 259,751 | 49,260 |
2. สมาคมโรงแรมไทย | สมาคมการค้า | 0 | 30,500 | 145,905 | 203,670 |
3. สมาคมส่งเสริมการจัดประชุมนานาชาติไทย | สมาคมการค้า | 0 | 0 | 129,553 | 179,357 |
4. หอการค้าอเมริกันในประเทศไทย | สมาคมการค้า | 34,240 | 34,240 | 74,241 | 34,240 |
5. สมาคมโรงแรมภูเก็ต | สมาคมการค้า | 0 | 0 | 55,636 | 32,708 |
6. หอการค้าอังกฤษ | สมาคมการค้า | 22,470 | 22,470 | 22,470 | 26,750 |
7. หอการค้าไทย | สมาคมการค้า | 0 | 9,630 | 0 | 9,630 |
8. มูลนิธิมาตรฐานโรงแรมไทย | สมาคมการค้า | 14,980 | 0 | 0 | 43,960 |
9. อื่น ๆ (เช่น การใช้สนับสนุนที่เกี่ยวข้องกับการลงคะแนนเสียงหรือประชามติ) | - | 0 | 0 | 0 | 0 |
รวมทั้งสิ้น | 90,950 | 116,211 | 687,556 | 579,575 |
ทั้งนี้ AWC มิได้ให้การสนับสนุนการรณรงค์ที่เกี่ยวข้องกับการ องค์กรทางการเมือง บุคคลหรือองค์กรที่ทำการชี้นำ และกลุ่มที่ได้รับการยกเว้นภาษีอื่น ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น (Anti-Corruption Policy)
ประเด็นสำคัญของบริษัทในการสนับสนุนภาคส่วนต่างๆ
ในปี 2563 AWC สนับสนุนองค์กรต่าง ๆ แบ่งเป็นประเด็นหลัก ดังนี้
ประเด็นสำคัญ | จุดยืนขององค์กร | รายละเอียดของจุดยืนและการมีส่วนร่วม | ยอดสนับสนุนรวมของแต่ละประเด็นสำคัญในปี 2566 (บาท) |
---|---|---|---|
สนับสนุนธุรกิจและการค้าเพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของประเทศไทย | สนับสนุน | AWC เป็นสมาชิกที่มีบทบาทในหอการค้าต่าง ๆ เช่น หอการค้าออสเตรเลีย-ไทย, หอการค้าอเมริกันในประเทศไทย, หอการค้าอังกฤษ, และหอการค้าไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนนโยบายส่งเสริมธุรกิจและพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งมีผลในการส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจไทย | 119,880 |
ส่งเสริมมาตรฐานที่พักสำหรับการท่องเที่ยว โรงแรม และรีสอร์ทในประเทศไทย | สนับสนุน | AWC เข้าร่วมและให้การสนับสนุนมูลนิธิมาตรฐานโรงแรมไทยซึ่งมีบทบาทพิเศษในการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ โดยสมาคมมีจุดมุ่งหมายในการยกระดับมาตรฐานของธุรกิจโรงแรมโดยรวม ด้วยระบบการจัดระดับดาวที่มีมาตรฐานและเป็นที่น่าเชื่อถือ โดยจัดระดับดาวตั้งแต่หนึ่งดาวถึงห้าดาว ให้กับโรงแรมทั่วประเทศ โดยโรงแรมในเครือ AWC มีเป้าหมายที่จะบรรลุระดับห้าดาว จากการเป็นโรงแรมที่มอบบริการที่ดีที่สุดกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากนี้ ยังมุ่งมั่นในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร ตลอดจนส่งเสริมการตลาด/การขายของโรงแรมให้สามารถแข่งขันได้อย่างเป็นธรรมและสอดคล้องกับสภาวะตลาด ตลอดจนตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า | 459,695 |
AWC มุ่งมั่นในการสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามข้อตกลงปารีส โดยมีเป้าหมายในการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียสเหนือระดับก่อนยุคปฎิวัติอุตสาหกรรม นอกจากนี้ AWC ยังมุ่งมั่นร่วมมือกับพาร์ทเนอร์แบรนด์โรงแรมระดับโลก เช่น Marriott International, Hilton Worldwide, IHG Hotels & Resorts, Banyan Tree, และ Melia Hotels International รวมถึงสมาคมและพันธมิตรที่บริษัทได้สนับสนุน มีความสอดคล้องในการสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยเป้าหมายเดียวกัน
ภาคส่วนที่ได้รับการสนับสนุนสูงสุด
องค์กรที่ AWC ให้การสนับสนุนสูงสุด 3 อันดับแรกในปี 2566
ชื่อองค์กร | ประเภทองค์กร | บทบาทและกิจกรรมของสมาคมการค้า | ยอดการสนับสนุนรวม ในปี 2566 (บาท) |
---|---|---|---|
หอการค้าออสเตรเลีย-ไทย | สมาคมการค้า | หอการค้าออสเตรเลีย-ไทยเป็นเวทีในการส่งเสริมและเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างออสเตรเลียและประเทศไทย มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมการค้าทวิภาคี การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ นอกจากนี้ยังจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่ AWC ได้รับสิทธิประโยชน์ เช่น งานพบปะเครือข่าย, บริการธุรกิจ, การสนับสนุนด้านการค้าและการลงทุน รวมถึงโครงการความรับผิดชอบต่อสังคม | 49,260 |
สมาคมโรงแรมไทย | สมาคมการค้า | สมาคมโรงแรมไทยก่อตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมความสามัคคีและการสนับสนุนซึ่งกันและกันในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมโรงแรมและสมาชิกของสมาคม ส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศไทยโดยขอความร่วมมือจากหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาลและองค์กรการท่องเที่ยวในประเทศอื่น ๆ และส่งเสริมความรู้และการประสานงานระหว่างสมาชิก โดยไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลหรือฝ่ายการเมือง | 203,670 |
สมาคมส่งเสริมการจัดประชุมนานาชาติไทย | สมาคมการค้า | สมาคมส่งเสริมการจัดประชุมนานาชาติไทย (TICA) มุ่งเน้นการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการจัดการประชุม สิ่งจูงใจ การประชุม และนิทรรศการ (MICE) โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อดึงดูดและสนับสนุนการจัดงานและการประชุมระดับนานาชาติเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยผ่านอุตสาหกรรม MICE สมาคมทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายฝ่าย เช่น หน่วยงานรัฐบาล บริษัทเอกชน ผู้จัดงาน และผู้ให้บริการ เพื่อเพิ่มศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม นิทรรศการ งานแสดงสินค้า และการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลในระดับนานาชาติ | 179,357 |