โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ

• สุดหรูหราและประทับใจ ด้วยห้องพักที่มีกระจกหน้าต่างพาโนรามา เห็นทัศนียภาพอันสวยงามของกรุงเทพฯ
• สระว่ายน้ำแบบอินฟินิตี้ที่ยื่นออกจากตัวอาคารบนชั้น 25
• ห้องอาหารหลากหลาย ทั้งห้องอาหารระดับ 1 ดาวมิชลิน ห้องอาหารนานาชาติ และห้องอาหารญี่ปุ่นแบบต้นตำรับ

ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ เป็นโรงแรมแห่งแรกในกลุ่มเพรสทีจ ที่ถือเป็นพัฒนาการก้าวสำคัญของเครือโอกุระ โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ทส์ ด้วยการบริหารจัดการตามหลักการ “วะ” ของญี่ปุ่นผสานกับปรัชญา “Best A.C.S.” ของโอกุระ ซึ่งสื่อถึงความมุ่งมั่นในการนำเสนอห้องพักที่ดีที่สุด (Best Accommodation) อาหารและเครื่องดื่มที่ดีที่สุด (Best Cuisine) และการบริการที่ดีที่สุด (Best Service) เพื่อมอบความสะดวกสบายและความหรูหราให้กับผู้เข้าพักทุกท่าน

ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ตั้งอยู่ภายในอาคารปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์ ใจกลางย่านธุรกิจบนถนนวิทยุ ใกล้กับสถานทูตหลายแห่ง ตลอดจนอาคารสำนักงานชั้นนำ และแหล่งช้อปปิ้งสุดหรู อาทิ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี เซ็นทรัลเวิล์ด และสยามพารากอน ในระยะที่สามารถเดินถึง โดยโรงแรมมีทางเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสเพลินจิตโดยตรง ทำให้การเดินทางไปสถานที่ต่าง ๆ เป็นไปด้วยความสะดวกสบาย

ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ มีห้องพักจำนวน 240 ห้อง โดยทุกห้องมีกระจกหน้าต่างพาโนรามาแบบทริปเปิลเกลซอีโค๊ท เพื่อป้องกันความร้อนและเสียง แต่ยังคงไว้ซึ่งทัศนียภาพอันสวยงามของกรุงเทพฯ เมืองที่ไม่เคยหลับใหล ภายในห้องประกอบไปด้วยความสะดวกสบายและความหรูหราที่รังสรรค์ด้วยเทคโนโลยีล่าสุดต่าง ๆ และการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โรงแรมมีห้องอาหารหลากหลายให้เลือกรับประทาน ได้แก่ อัพ แอนด์ อะบัฟ (Up & Above Restaurant) ห้องอาหารนานาชาติที่ให้บริการอาหารตลอดทั้งวัน สำหรับวันอาทิตย์มีบุฟเฟ่ต์มื้อสายให้บริการ เอเลเมนท์ (Elements) ห้องอาหารระดับ 1 ดาวมิชลิน 3 ปีซ้อน จากคู่มือแนะนำร้านอาหารและที่พักระดับโลก ‘มิชลิน ไกด์’ ประเทศไทย หรือ MICHELIN Guide Thailand และ ยามาซาโตะ (Yamazato) ห้องอาหารญี่ปุ่นที่ให้บริการอาหารญี่ปุ่นแบบต้นตำรับ ได้รับ “มิชลิน เพลท” (Michelin Plates) จาก ‘มิชลิน ไกด์’ ประเทศไทย 3 ปีซ้อน รวมถึงจุดเด่นที่สำคัญของโรงแรม คือ สระว่ายน้ำแบบอินฟินิตี้ที่ยื่นออกจากตัวอาคารบนชั้น 25 เป็นตำแหน่งที่สามารถชมวิวเมืองกรุงเทพฯ ขณะที่เพลิดเพลินกับการว่ายน้ำในสระน้ำเกลือ และ ดิ โอกุระ สปา ที่พร้อมให้บริการทรีทเม้นท์เพื่อการผ่อนคลาย โดยนักบำบัดและผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี

ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ได้รับรางวัลจากหลายหลายสถาบัน ที่การันตีความเป็นเลิศในด้านต่าง ๆ ของโรงแรม ดังนี้

• Top Class Comfort (Michelin Guide Bangkok 2018)
• Top Class Comfort (Michelin Guide Thailand 2020 - Bangkok, Chiang Mai, Phuket and Phang-nga)
• Top 25 Luxury Hotels in Thailand (Travelers’ Choice Awards announced by TripAdvisor.com) 2018
• Thailand Hotel Standard 5-Stars 2020

ห้องอาหารเอเลเมนท์

• 1 Michelin Star 2018 (Michelin Guide Bangkok 2018)
• 1 Michelin Star 2019 (Michelin Guide Thailand, Michelin Guide 2019 - Bangkok, Phuket and Phang-nga)
• 1 Michelin Star 2020 (Michelin Guide Thailand 2020 - Bangkok, Chiang Mai, Phuket and Phang-nga)
• Top Tables Bangkok 2018 (BK Magazine)
• Thailand’s Best Restaurant 2018 (Thailand Tatler Magazine)
• Top 20 Thailand’s Best Restaurants 2018 (Thailand Tatler Magazine)
• Top Tables Bangkok 2019 (BK Magazine)
• Thailand’s Best Restaurant 2019 (Thailand Tatler Magazine)
• Top 20 Thailand’s Best Restaurants 2019 (Thailand Tatler Magazine)
• Thailand’s Best Restaurant 2020 (Thailand Tatler Magazine)
• Top 20 Thailand’s Best Restaurants 2020 (Thailand Tatler Magazine)

ห้องอาหารยามาซาโตะ

• Michelin Plates (Michelin Guide Bangkok 2018)
• Michelin Plates (Michelin Guide Thailand, Michelin Guide 2019 Bangkok, Phuket and Phang-nga)
• Michelin Plates (Michelin Guide Thailand 2020 Bangkok, Chiang Mai, Phuket and Phang-nga)
• Wongnai Users’ Choice 2018 – Covering 370 restaurants in Thailand by more than three million Wongnai users (www.wongnai.com)
• Thailand’s Best Restaurant 2018 (Thailand Tatler Magazine)
• Top Tables Bangkok 2019 (BK Magazine)
• Thailand’s Best Restaurant 2019 (Thailand Tatler Magazine)
• Top 20 Thailand’s Best Restaurants 2019 (Thailand Tatler Magazine)
• Wongnai Users’ Choice 2020, Covering 553 restaurants in Thailand by more than three million Wongnai users (www.wongnai.com)
• Thailand’s Best Restaurant 2020 (Thailand Tatler Magazine)