ประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Protection Notice)
บริษัทที่มีรายชื่อปรากฏตามเอกสาร “รายชื่อกลุ่มบริษัทสำหรับการดำเนินการเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” ซึ่งรวมเรียกว่า (“บริษัท”) รับทราบและตระหนักถึงความสำคัญของสิทธิในความเป็นส่วนตัว และสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลทั้งหลาย อันเป็นสิทธิสำคัญซึ่งได้รับการรับรองและคุ้มครองตามกฎหมาย และเนื่องจากข้อมูลบางประการที่บริษัทจำเป็นต้องได้รับจากท่านเพื่อประโยชน์ในการให้บริการและประกอบธุรกิจของบริษัท มีลักษณะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย บริษัทจึงมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างมาตรฐานที่ดีในการปฏิบัติงานและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และเพื่อให้การดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้เป็นไปตามข้อกำหนดของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 บริษัทจึงจัดทำประกาศฉบับนี้ขึ้น เพื่อให้ท่านได้รับทราบรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว รวมทั้งความจำเป็นและวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลและสิทธิตามกฎหมายของท่าน โปรดอ่านโดยละเอียดและทำความเข้าใจเพื่อประโยชน์ในการใช้สิทธิของท่าน
ในกรณีที่ท่านมีข้อสงสัยประการใดเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้ประกาศฉบับนี้ ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ตามช่องทางที่ท่านสะดวกในรายละเอียดด้านล่างนี้
บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไรบ้าง?
ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจะทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยตรง จากการติดต่อสื่อสารกับท่านผ่านช่องทางต่างๆ เช่น ผ่านทางการกรอกข้อมูลของท่านลงในแบบฟอร์มคำขอ สัญญา จดหมาย หรือเอกสารอื่นใด หรือผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การกรอกข้อมูลผ่านทางเว็บไซต์ คุกกี้ (Cookies) หรือแอพพลิเคชั่นของบริษัท หรือผ่านทางช่องทางอื่นและในบางกรณีบริษัทอาจได้รับข้อมูลของท่านผ่านจากแหล่งอื่น เช่น การแนะนำเกี่ยวกับตัวท่านจากเพื่อนหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องของท่าน หรือจากแหล่งข้อมูลสาธารณะใดๆ ที่มีการเปิดเผยโดยทั่วไป เป็นต้น
ทั้งนี้ ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนั้น บริษัทจะทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นภายใต้วัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมาย และตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งท่านไว้ก่อนหรือในขณะที่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น
บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลใดของท่านบ้าง?
ในการประกอบธุรกิจของบริษัท บริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจและให้บริการแก่ท่าน รายละเอียดปรากฏตาม “หนังสือแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล”
การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อการทำการตลาด
บริษัทอาจใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการที่อาจเป็นประโยชน์กับท่านและอาจมีการติดต่อท่านเป็นครั้งคราวเพื่อแจ้งผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่หรือที่มีอยู่ให้ท่านทราบ นอกจากนี้ บริษัทยังอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้บริษัทที่เกี่ยวข้องหรือบริษัทคู่ค้าทราบเพื่อให้บริษัทดังกล่าวสามารถแจ้งผลิตภัณฑ์หรือบริการให้ท่านทราบทางช่องทางการตลาดต่างๆ โดยการติดต่อทางอิเล็กทรอนิกส์ อีเมล โทรศัพท์ ข้อความ และรูปแบบการสื่อสารอื่นๆ ทั้งนี้ เฉพาะเท่าที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้เท่านั้น
หากท่านประสงค์จะเปลี่ยนแปลงวิธีการติดต่อใดๆ ที่ท่านได้แจ้งไว้แก่บริษัท หรือหากท่านไม่ประสงค์จะได้รับข้อมูลทางการตลาดใดๆ ข้างต้นอีกต่อไป ท่านสามารถแจ้งให้บริษัททราบได้ทุกเมื่อ โดยท่านสามารถแจ้งบริษัทเพื่อใช้สิทธิที่เกี่ยวข้องได้ตามรายละเอียดที่ระบุในหัวข้อ “การติดต่อบริษัท”
บริษัทเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีใดบ้าง?
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ โดยไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นต่อบุคคลภายนอกหรือสาธารณะ เว้นแต่เป็นการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งท่านไว้ รายละเอียดปรากฏตามหนังสือแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล หรือเป็นกรณีที่บริษัทได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน หรือมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายให้ต้องดำเนินการ
การส่งข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
ในการประกอบธุรกิจของบริษัท บริษัทจะไม่มีการส่งหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังผู้รับข้อมูลที่อยู่ต่างประเทศ เว้นแต่เป็นการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งท่านไว้ หรือเป็นกรณีที่บริษัทได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน หรือมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายให้ต้องดำเนินการ
การรักษาความปลอดภัยและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ปลอดภัย บริษัทได้นำมาตรการต่างๆ ซึ่งรวมถึง การจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะแก่ผู้ที่มีหน้าที่และความรับผิดชอบเกี่ยวข้อง การสร้างความเข้าใจและฝึกอบรมลูกจ้างและบุคลากรของบริษัทให้ปฏิบัติตามมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม การกำหนดหน้าที่ให้ลูกจ้างและบุคลากรของบริษัท รวมถึงผู้ประมวลผลข้อมูลของบริษัทต้องปฏิบัติตามมาตรฐานเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม ซึ่งรวมถึงหน้าที่ในป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล และหน้าที่ในการใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมกับการประมวลผลข้อมูล
หากท่านมีเหตุอันเชื่อได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกละเมิด หรือหากท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ตามรายละเอียดที่ระบุในหัวข้อ “การติดต่อบริษัท”
สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิได้รับการคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ดังต่อไปนี้
(1) สิทธิในการขอถอนความยินยอม
ในกรณีที่บริษัทมีการขอและได้รับความยินยอมจากท่านเพื่อเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านมีสิทธิในการถอนความยินยอมในการให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวได้ทุกเมื่อ โดยบริษัทจะพิจารณาคำขอของท่านเพื่อดำเนินการที่เหมาะสมต่อไป ภายใน 30 (สามสิบ) วัน นับแต่วันที่ได้รับคำขอดังกล่าว
(2) สิทธิในการขอเข้าถึงและรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทจัดเก็บไว้
ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงและรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้จัดเก็บไว้ โดยบริษัทจะพิจารณาคำขอของท่านเพื่อดำเนินการที่เหมาะสมต่อไป ภายใน 30 (สามสิบ) วัน นับแต่วันที่ได้รับคำขอดังกล่าว อย่างไรก็ตาม บริษัทขอสงวนสิทธิในการปฏิเสธคำขอใช้สิทธิดังกล่าวของท่าน หากเป็นการปฏิเสธตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล และการเข้าถึงและ/หรือการขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลนั้นจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
(3) สิทธิในการขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับโดยที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอม หรือได้รับจากแหล่งอื่น
ท่านมีสิทธิขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับโดยที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอม ในกรณีที่บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากแหล่งอื่นซึ่งไม่ใช่จากท่านโดยตรง หากบริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าวบริษัทจะดำเนินการแจ้งให้ท่านทราบภายใน 30 (สามสิบ) วันนับจากวันที่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว เพื่อขอความยินยอมจากท่าน ทั้งนี้ เว้นแต่เป็นกรณีที่กฎหมายยกเว้นให้ไม่ต้องแจ้ง ซึ่งท่านมีสิทธิขอให้บริษัทเปิดเผยแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้
(4) สิทธิในการขอรับ และขอให้บริษัทโอนย้าย หรือส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ในกรณีที่บริษัทมีการปรับให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานได้โดยอุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถส่งต่อได้โดยวิธีการอัตโนมัติ
ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตัวท่านจากบริษัทได้ ในกรณีที่บริษัทได้ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติรวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่โดยสภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้ โดยบริษัทจะพิจารณาคำขอของท่านเพื่อดำเนินการที่เหมาะสมต่อไป ภายใน 30 (สามสิบ) วัน นับแต่วันที่ได้รับคำขอดังกล่าว ทั้งนี้ บริษัทขอสงวนสิทธิในการปฏิเสธคำขอใช้สิทธิดังกล่าวของท่าน หากการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท หรือการใช้สิทธิอาจละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น
(5) สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยบริษัท ตามกฎหมายและในกรณีต่อไปนี้
- การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นการเก็บรวบรวมโดยได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมเนื่องจากเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่บริษัทจะพิสูจน์ได้ว่ามีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญสำหรับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลยิ่งกว่า
- กรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง
เมื่อบริษัทได้รับแจ้งความประสงค์ในการใช้สิทธิดังกล่าวจากท่าน บริษัทจะทำการแยกข้อมูลของท่านออกจากข้อมูลอื่นๆ ทันที อย่างไรก็ตาม บริษัทขอสงวนสิทธิในการปฏิเสธคำขอใช้สิทธิดังกล่าวของท่าน ในกรณีที่บริษัทสามารถพิสูจน์ได้ว่า การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมเนื่องจากเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทนั้นมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า หรือเป็นไปเพื่อการก่อตั้งสิทธิตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย โดยบริษัทจะพิจารณาคำขอของท่านเพื่อดำเนินการที่เหมาะสมต่อไป ภายใน 30 (สามสิบ) วัน นับแต่วันที่ได้รับคำขอดังกล่าว
(6) สิทธิในการขอให้บริษัทลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลกลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถใช้ระบุตัวตนได้
ท่านสามารถแจ้งให้บริษัทลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และ/หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกลายเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของท่านได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
- เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้ตามวัตถุประสงค์
- เมื่อท่านถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น และบริษัทไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
- เมื่อท่านใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และบริษัทไม่มีเหตุผลที่จะใช้ปฏิเสธคำขอได้ หรือ
- เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลนั้นถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โดยบริษัทจะพิจารณาคำขอของท่านเพื่อดำเนินการที่เหมาะสมต่อไป ภายใน 30 (สามสิบ) วัน นับแต่วันที่ได้รับคำขอดังกล่าว อย่างไรก็ตาม บริษัทขอสงวนสิทธิในการปฏิเสธคำขอใช้สิทธิดังกล่าวของท่าน หากบริษัทมีความจำเป็นและมีสิทธิตามกฎหมายที่จะปฏิเสธคำขอดังกล่าวได้
(7) สิทธิขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ท่านสามารถแจ้งให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลของท่านได้ทันที ในกรณีดังต่อไปนี้
- เมื่อบริษัทอยู่ในระหว่างการตรวจสอบความถูกต้อง ครบถ้วน หรือปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคลนั้นให้เป็นข้อมูลปัจจุบัน และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ตามคำขอของท่าน
- เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอาจถูกลบ หรือทำลายได้ แต่ท่านแจ้งขอให้ระงับการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคลนั้น แทนการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล
- เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลนั้นหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลนั้นแล้ว แต่ท่านมีความจำเป็นต้องขอให้เก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ
- เมื่อบริษัทอยู่ในระหว่างการพิจารณาการใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
โดยบริษัทจะพิจารณาคำขอของท่านเพื่อดำเนินการที่เหมาะสมต่อไป ภายใน 30 (สามสิบ) วัน นับแต่วันที่ได้รับคำขอดังกล่าว อย่างไรก็ตาม บริษัทขอสงวนสิทธิในการปฏิเสธคำขอใช้สิทธิดังกล่าวของท่าน หากบริษัทมีความจำเป็นและมีสิทธิตามกฎหมายที่จะปฏิเสธคำขอดังกล่าวได้
(8) สิทธิในการขอให้บริษัทปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้องเป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัท หรือที่บริษัทได้เก็บรวบรวมไว้ หากยังอยู่ภายในระยะเวลาจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลตาม “หนังสือแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล”, ท่านสามารถแจ้งให้บริษัทดำเนินการแก้ไขปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ทุกเมื่อ โดยบริษัทจะพิจารณาคำขอของท่านเพื่อดำเนินการที่เหมาะสมต่อไป ภายใน 30 (สามสิบ) วัน นับแต่วันที่ได้รับคำขอดังกล่าว
(9) สิทธิในการร้องเรียนในกรณีที่พบว่ามีการฝ่าฝืนข้อกำหนดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
หากท่านพบว่ามีการดำเนินการใดๆ ฝ่าฝืนหรือไม่เป็นไปตามข้อกำหนดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านสามารถแจ้งการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องนั้นมายังบริษัท และ/หรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องได้ โดยบริษัทจะพิจารณาคำขอของท่านเพื่อดำเนินการที่เหมาะสมต่อไป ภายใน 30 (สามสิบ) วัน นับแต่วันที่ได้รับคำขอดังกล่าว
ในกรณีที่ท่านประสงค์จะใช้สิทธิใดๆ ดังปรากฏข้างต้น ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ ตามรายละเอียดที่ระบุในหัวข้อ “การติดต่อบริษัท”
การติดต่อบริษัท
ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ในช่องทางดังต่อไปนี้
หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท
เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล: | สิเวศ โรจนสุนทร (ดร.) |
ช่องทางการติดต่อ: | https://www.assetworldcorp-th.com/en/home AWC-DGO@assetworldcorp-th.com |
ที่อยู่: | บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) ชั้น 54 อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ถนนสาทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 |
การใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
คุกกี้คือไฟล์รูปแบบหนึ่งที่ประกอบไปด้วยข้อความอักษร (Text) คุกกี้จะถูกสร้างขึ้นเมื่อผู้ใช้งานเข้าถึงเว็บไซต์ (Website) ที่เซิร์ฟเวอร์ (Server) มีการสร้างคุกกี้ไว้ โดยคุกกี้จะถูกบันทึกลงบนบราวเซอร์ (Browser) ของท่านเมื่อท่านแวะเข้าชมเว็บไซต์นั้นๆ เนื้อหาในคุกกี้จะสามารถถูกเรียกออกมาดูหรืออ่านได้โดยเซิร์ฟเวอร์ที่สร้างคุกกี้ดังกล่าวเท่านั้น และเนื้อหาดังกล่าวจะถูกส่งกลับไปยังเว็บไซต์ต้นทางในการเยี่ยมชมแต่ละครั้ง ข้อความที่อยู่ในคุกกี้มักประกอบด้วยข้อมูลระบุตัวตน ชื่อเว็บไซต์ รวมถึงตัวเลขและตัวอักษรบางอย่าง โดยคุกกี้จะมีการจัดเก็บรายละเอียดพฤติกรรมการเยี่ยมชมเว็บไซต์และสิ่งที่ถูกเลือกถึงบ่อยโดยท่านและบราวเซอร์ของท่าน
ท่านสามารถพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ในนโยบายการใช้คุกกี้
เว็บไซต์อื่น
เว็บไซต์นี้อาจมีตัวเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์อื่น หากท่านได้กด link ไปยังเว็บไซต์อื่นอาจเป็นการอนุญาตให้บุคคลภายนอกเก็บรวบรวมและเปิดเผยข้อมูลของท่านได้ บริษัทไม่ได้ควบคุมเว็บไซต์อื่นเหล่านั้นและไม่มีความรับผิดชอบใดๆ ต่อการดำเนินการเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์เหล่านั้น เมื่อท่านออกจากเว็บไซต์ของบริษัท บริษัทแนะนำให้ท่านอ่านนโยบายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของทุกเว็บไซต์ที่ท่านได้เยี่ยมชม