AWC และ Hotel Okura ประกาศพัฒนาสองโรงแรมสุดพิเศษในเชียงใหม่และกรุงเทพฯ นำเสนอความสง่างามในแบบญี่ปุ่นผสานมรดกวัฒนธรรมไทย สนับสนุนประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก

26 ธันวาคม 2567
  • นำเสนอประสบการณ์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมจาก Hotel Okura กับเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว สู่สองจุดหมายปลายทางอันโดดเด่นของประเทศไทย
  • โรงแรม โอกุระ รีสอร์ท เชียงใหม่ นำเสนอประสบการณ์เรียวกังสุดหรูภายใต้แบรนด์โอกุระนอกประเทศญี่ปุ่นเป็นแห่งแรกของโลก และยังเป็นโรงแรมภายใต้แบรนด์โอกุระแห่งแรกในภาคเหนือของไทย ตั้งอยู่ใจกลางมรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติอันงดงามของเมืองเชียงใหม่ ผสมผสานความประณีตแบบญี่ปุ่นเข้ากับเสน่ห์วัฒนธรรมล้านนาอย่างลงตัว
  • โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ สุขุมวิท กรุงเทพ โฮเทล และ สปา สวรรค์แห่งการพักผ่อนใจกลางย่านทองหล่อ ด้วยการออกแบบและองค์ประกอบอันโดดเด่นสไตล์ญี่ปุ่น พร้อมการบริการในบรรยากาศลอยฟ้าอันเป็นเอกลักษณ์ นำเสนอความหรูหราแบบญี่ปุ่นสู่ย่านไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ
  • ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 7,600 ล้านบาท โครงการใหม่ทั้งสองแห่งจะเพิ่มจำนวนห้องพักกว่า 400 ห้องให้กับพอร์ตโฟลิโอของ AWC ในจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ สอดคล้องกับกลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืน (GROWTH-LED Strategy) ของบริษัท

26 ธันวาคม 2567, กรุงเทพฯ ประเทศไทย – บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทยที่มุ่งเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร ลงนามข้อตกลงในการพัฒนาและบริหารโรงแรมจำนวน 2 แห่ง กับ Hotel Okura Co., Ltd. เครือโรงแรมระดับโลกที่ผสมผสานวัฒนธรรมการบริการชั้นเลิศแบบญี่ปุ่นเข้ากับที่พักชั้นหนึ่ง และอาหารเลอรส โดยความร่วมมือครั้งนี้เกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์ที่มีร่วมกัน รวมถึงความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างยาวนานของทั้งสององค์กร สู่การพัฒนาโครงการสำคัญแห่งใหม่ 2 แห่งในประเทศไทย ได้แก่ โรงแรม โอกุระ รีสอร์ท เชียงใหม่ (Okura Resort Chiang Mai) ซึ่งเป็นโรงแรมภายใต้แบรนด์โอกุระแห่งแรกในภาคเหนือของประเทศไทย นำเสนอประสบการณ์เรียวกังสุดหรูภายใต้แบรนด์โอกุระนอกประเทศญี่ปุ่นเป็นแห่งแรกของโลก และโรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ สุขุมวิท กรุงเทพ โฮเทล และ สปา (The Okura Prestige Sukhumvit Bangkok Hotel and Spa) ใจกลางย่านทองหล่อ ด้วยบริการการดูแลสุขภาพองค์รวม พร้อมองค์ประกอบสไตล์ญี่ปุ่นในบรรยากาศลอยฟ้าอันเป็นเอกลักษณ์ใจกลางทองหล่อ หนึ่งในย่านที่มีชีวิตชีวาที่สุดในกรุงเทพฯ โครงการพัฒนาโรงแรมทั้งสองแห่งนี้สะท้อนถึงการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างความสง่างามแบบญี่ปุ่นและมรดกทางวัฒนธรรมไทย เพื่อกำหนดนิยามใหม่ของการบริการระดับลักชัวรีและการให้บริการด้านสุขภาพในประเทศ โดยความร่วมมือเพื่อพัฒนาโรงแรมใหม่นี้มีมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 7,600 ล้านบาท สอดคล้องกับกลยุทธ์การเติบโต (GROWTH-LED Strategy) ของบริษัท เพื่อสนับสนุนประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก

ความร่วมมือระหว่าง AWC และ Hotel Okura ในครั้งนี้ สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ร่วมกันในการพัฒนาโรงแรมอันเป็นเอกลักษณ์ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของความยั่งยืน ทั้งยังตอบโจทย์ความต้องการเทรนด์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่เพิ่มขึ้น โดยความร่วมมือในครั้งนี้ได้ผสานจุดแข็งอันโดดเด่นของทั้งสองฝ่ายเพื่อสร้างคุณค่าร่วมกันในฐานะผู้นำด้านการให้บริการระดับลักชัวรี โดยมุ่งนำเสนอประสบการณ์เหนือระดับที่ผสมผสานการบริการอันเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจในแบบญี่ปุ่นเข้ากับความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมของไทยเพื่อต้อนรับนักเดินทางจากทั่วโลก

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จํากัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้สานต่อความร่วมมือที่มีมาอย่างยาวนานกับ Hotel Okura และขยายพอร์ตโฟลิโอโรงแรมอันโดดเด่นของเราสู่สองเมืองท่องเที่ยวที่มีสีสันที่สุดของประเทศไทย โดยโรงแรม โอกุระ รีสอร์ท เชียงใหม่ จะสร้างนิยามใหม่ให้กับทางการท่องเที่ยวลักชัวรีและยั่งยืนในประเทศ พร้อมผสมผสานมรดกทางศิลปะและวัฒนธรรมอันงดงามของเชียงใหม่ เข้ากับกลิ่นอายการออกแบบและการให้บริการแบบญี่ปุ่นต้นตำรับ ทั้งยังจะเชื่อมต่อกับ โครงการไลฟ์สไตล์เดสทิเนชั่นของ AWC อย่าง “ลานนาทีค เดสทิเนชั่น” เพื่อเสนอประสบการณ์น่าประทับใจ กับการถ่ายทอดความงดงามของอาณาจักรล้านนาอันเป็นเอกลักษณ์เคียงคู่กับความสง่างามในแบบฉบับญี่ปุ่นเพื่อมอบประสบการณ์ประทับใจไม่รู้ลืม ในขณะที่โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ สุขุมวิท กรุงเทพ โฮเทล และ สปา ในย่านทองหล่อจะถูกพัฒนาเป็นโอเอซิสแห่งการพักผ่อนใจกลางเมือง ด้วยบริการด้านสุขภาพองค์รวมและการเข้าพักแบบระยะยาว นำเสนอประสบการณ์การดูแลสุขภาพสไตล์ญี่ปุ่นที่เป็นเอกลักษณ์ในย่านที่มีชีวิตชีวาที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ พร้อมนำเสนอประสบการณ์แบบรีสอร์ทในเมืองด้วยกลิ่นอายแบบบญี่ปุ่นและประสบการณ์เหนือระดับแบบหาที่ไหนไม่ได้ โครงการพัฒนาโรงแรมอันโดดเด่นแห่งใหม่ทั้งสองนี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพจากทั่วโลก แต่จะยังช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศและสนับสนุนประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกอีกด้วย”

มร. โทชิฮิโระ โอกิตะ ประธานและกรรมการผู้แทน Hotel Okura Co., Ltd., กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้บรรลุอีกหนึ่งความร่วมมือครั้งสำคัญกับ AWC ผ่านการพัฒนาโรงแรมใหม่ในประเทศไทย ต่อเนื่องจากความสำเร็จของ โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ และรู้สึกตื่นเต้นที่ได้นำแบรนด์โอกุระมาสู่เชียงใหม่และภาคเหนือของประเทศไทยเป็นครั้งแรก ด้วยความมุ่งมั่นของเราในการมอบบริการที่พักระดับโลก ที่ผสมผสานความสง่างามของวัฒนธรรมญี่ปุ่นเข้ากับเสน่ห์ท้องถิ่น ด้วยเครือข่ายโรงแรมลักชัวรีที่ตั้งอยู่ทั่วโลก ทำให้เราสามารถผสมผสานความงดงามและความละเอียดอ่อนของวัฒนธรรมญี่ปุ่นเข้ากับความสะดวกสบายและฟังก์ชันการใช้งานได้อย่างลงตัว และเชื่อมั่นว่าความร่วมมือครั้งใหม่นี้กับ AWC จะช่วยมอบประสบการณ์พิเศษและบริการที่ยอดเยี่ยมให้แก่ทั้งแขกชาวไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้อย่างแน่นอน”

โรงแรม โอกุระ รีสอร์ท เชียงใหม่ จะเป็นโรงแรมภายใต้แบรนด์โอกุระแห่งแรกในภาคเหนือของประเทศไทย ตั้งอยู่บนถนนช้างคลานซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ โดดเด่นด้วยตลาดและศูนย์การค้า อาหารท้องถิ่น และสีสันยามค่ำคืน ประกอบด้วยห้องพักที่ออกแบบอย่างพิถีพิถันกว่า 200 ห้อง ผสมผสานความหรูหราสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมเข้ากับวัฒนธรรมล้านนาร่วมสมัย พร้อมห้องพักแบบเรียวกังที่ครบครันด้วยเสื่อทาทามิ ชุดยูกาตะ และออนเซ็นส่วนตัว ที่แขกจะสามารถดื่มด่ำไปกับประสบการณ์การพักผ่อนที่ผสมผสานวัฒนธรรมญี่ปุ่นเข้ากับมรดกทางประเพณีของภาคเหนือ ตั้งแต่สถาปัตยกรรมไปจนถึงอาหารเลิศรส ทั้งนี้ โรงแรม โอกุระ รีสอร์ท เชียงใหม่ มีกำหนดเปิดให้บริการในไตรมาสที่ 1 ของปี 2571 โดยจะมาพร้อมกับห้องอาหารญี่ปุ่น-ล้านนาอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ผสานวัตถุดิบท้องถิ่นเข้ากับเทคนิคการทำอาหารแบบญี่ปุ่น เตรียมมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารชั้นเลิศแบบโอมากาเสะและล้านนาไคเซกิ ยิ่งไปกว่านั้น แขกยังจะได้เพลิดเพลินไปกับหลากหลายสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ ออนเซ็น สปา ห้องอาหารแบบ All Day Dining คาเฟ่และห้องอาหาร เลานจ์ รูฟท็อปบาร์ และสระว่ายน้ำ

ในขณะที่ โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ สุขุมวิท กรุงเทพ โฮเทล และ สปา จะนำเสนอประสบการณ์ด้านสุขภาพแบบองค์รวมและบริการเข้าพักแบบระยะยาวในพื้นที่ทองหล่อ ซึ่งเป็นหนึ่งในย่านที่โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ นำเสนอการเข้าพักอันเป็นเอกลักษณ์และการต้อนรับอย่างอบอุ่น กับล็อบบี้ลอยฟ้าและรูฟท็อปบาร์สไตล์ญี่ปุ่นที่มาพร้อมสวนกลางแจ้ง ผสมผสานการดูแลสุขภาพเข้ากับทัศนียภาพอันงดงามของเส้นขอบฟ้าของกรุงเทพ เพื่อมอบพื้นที่ให้แขกผู้เข้าพักได้ผ่อนคลายและเติมเต็มทั้งร่างกายและจิตใจ มาพร้อมกับบริการและฟีเจอร์บนชั้นดาดฟ้าอื่นๆ อาทิ ห้องอาหารแบบ All Day Dining ห้องอาหารพิเศษต่างๆ และรูฟท็อปบาร์ที่มอบวิวเมืองแบบพาโนรามา นอกจากนี้ แขกยังสามารถพักผ่อนหย่อนใจได้ที่บริเวณคาบานาสุดหรูริมสระว่ายน้ำ ลิ้มรสหนึ่งในเมนูอาหารเพื่อสุขภาพเพื่อสร้างสมดุลที่ดี รวมไปถึงเมนูซิกเนเจอร์ในรูปแบบของ โอกุระ เพรสทีจ อีกด้วย

โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ สุขุมวิท กรุงเทพ โฮเทล และ สปา ยังนำเสนอห้อง Onsen Suite แบบต้นตำรับ และสัมผัสเสน่ห์เหนือกาลเวลาของห้องพักสไตล์เรียวกังอันเป็นเอกลักษณ์ หรือเลือกพักในห้องแบบตะวันตกที่ความสะดวกสบาย โดยโรงแรมยังมาพร้อมโปรแกรมสุขภาพเฉพาะบุคคลที่ผสมผสานศาสตร์การดูแลสุขภาพแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมเข้ากับเทรนด์สุขภาพสมัยใหม่ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษโดยนักโภชนาการมืออาชีพ พร้อมสัมผัสการดูแลสุขภาพด้วยวารีบำบัด (Hydrotherapy) และการเจริญสติ (Mindfulness) เพื่อคืนพลังให้กับทั้งร่างกายและจิตใจ ทั้งนี้ โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ สุขุมวิท กรุงเทพ โฮเทล และ สปา มีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2571 ด้วยห้องพักกว่า 200 ห้อง ผสมผสานองค์ประกอบการออกแบบร่วมสมัยที่นำธรรมชาติมาประยุกต์เพื่อส่งเสริมสุขภาวะที่ดี (Biophilic) ควบคู่กับสุนทรียะแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม นอกจากนี้ โรงแรมยังให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืน ด้วยการออกแบบเพื่อประหยัดพลังงาน ลดความร้อนจากภายนอกอาคาร และการติดตั้งระบบจัดการน้ำอีกด้วย

“โรงแรมทั้งสองแห่งจะช่วยเสริมพอร์ตโฟลิโอระดับลักชัวรีของ AWC และสานต่อความสำเร็จของโรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ และเรือโอกุระ ครุซ เพื่อร่วมสร้างมาตรฐานใหม่ในด้านการบริการและเวลเนสให้กับประเทศไทย AWC หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ต้อนรับแขกเข้ามาสัมผัสกับการบริการชั้นเลิศ ความรุ่มรวยทางวัฒนธรรม และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่โรงแรมภายใต้แบรนด์โอกุระแห่งใหม่ทั้งสองนี้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก” นางวัลลภา กล่าวปิดท้าย

ย้อนกลับ