ข่าวสารและกิจกรรม
“แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น” ทุ่มงบฯ 435 ล้าน ซื้อโรงแรมดุสิต ดีทู เชียงใหม่ ผนึกกำลัง “กลุ่มดุสิตธานี” สานต่อศักยภาพ “แบรนด์ไทย” ระดับตำนาน เดินหน้ากระตุ้นการท่องเที่ยวภาคเหนือ พร้อมต้อนรับนักเดินทางจากทุกมุมโลก
15 ธันวาคม 2564, กรุงเทพฯ ประเทศไทย - บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จํากัด (มหาชน) หรือ AWC เดินหน้าเสริมพอร์ตโฟลิโอรับการฟื้นตัวอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภาคเหนือ เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2564 ที่ประชุมคณะกรรมการ AWC มีมติเข้าซื้อโรงแรมดุสิต ดีทู เชียงใหม่ (D2CM) จากบริษัท ดุสิตธานี พร็อพเพอร์ตี้ส์ รีท จำกัด ด้วยงบลงทุน 435 ล้านบาท บนพื้นที่ทำเลยุทธศาสตร์กลางเมืองย่านไนท์บาซาร์ ร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับแบรนด์ไทยระดับตำนาน มาตรฐานสากล พร้อมสานต่อการให้บริการที่น่าประทับใจของโรงแรมยอดนิยม หวังกระตุ้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภาคเหนือในช่วงปลายปี ตั้งเป้าผลักดันให้เชียงใหม่เป็นอีกหนึ่งจุดหมายสำคัญสำหรับนักเดินทางทั่วโลก
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2564 ที่ประชุมคณะกรรมการ AWC มีมติอนุมัติให้บริษัท ทรัพย์ ทีซีซี โฮเทล เชียงใหม่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เข้าซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจาก บริษัท ดุสิตธานี พร็อพเพอร์ตี้ส์ รีท จำกัด ด้วยงบลงทุน 435 ล้านบาท ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของโรงแรมดุสิต ดีทู เชียงใหม่ ขนาด 130 ห้องพัก ตั้งอยู่บนถนนช้างคลาน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งอยู่ติดกับ “เชียงใหม่ ไนท์บาซาร์” แหล่งช้อปปิ้ง และศูนย์รวมร้านอาหาร ร้านค้าชื่อดังใจกลางเมือง ทั้งยังอยู่ใกล้กับโรงแรมเลอ เมอริเดียน เชียงใหม่ อีกหนึ่งโครงการคุณภาพจากทาง AWC
ทั้งนี้ เมื่อบวกกับศักยภาพของทำเล ที่มีทั้งศิลปะวัฒนธรรม ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ความบันเทิง ประวัติศาสตร์ แหล่งพบปะ การประชุมสัมมนา ที่พัก ถนนคนเดิน จะทำให้ถนนช้างคลาน กลายเป็นถนนสายท่องเที่ยวแห่งใหม่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ โดยบริษัทมีแผนเชื่อมการให้บริการแบบไร้ขีดจำกัดเพื่อรองรับตลาดของนักท่องเที่ยวกลุ่มวัยรุ่น และนักธุรกิจ ซึ่งจะทำให้ AWC สามารถตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวได้ครบทุกเซกเมนต์ เพื่อผลักดันจังหวัดเชียงใหม่ให้เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางสำคัญ ในการต้อนรับนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก
นางวัลลภา กล่าวว่า การลงนามในครั้งนี้ ถือเป็นความร่วมมือกันระหว่าง AWC และกลุ่มดุสิตธานี เครือโรงแรมระดับตำนานของไทย ที่เปิดให้บริการมาอย่างยาวนานเพื่่อยกระดับการท่องเที่ยวและเสริมศักยภาพการเชื่อมต่อของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ของ AWC เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และการท่องเที่ยวที่หลากหลายของนักท่องเที่ยว โดยหลังจากที่รัฐบาล มีนโยบายเปิดประเทศพร้อมเดินหน้าจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความต้องการการท่องเที่ยวภายในประเทศสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวยุทธศาตร์ของภาคเหนือ ที่เป็นศูนย์รวมวัฒนธรรม สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และอาหารพื้นเมืองที่ขึ้นชื่อ
“AWC รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ โรงแรมดุสิต ดีทู เชียงใหม่ ซึ่งเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงที่ดีเสมอมา ถือเป็นการเริ่มต้นในการสร้างคุณค่าในระยะยาวร่วมกัน โดยเชื่อมั่นในศักยภาพของความร่วมมือกันในครั้งนี้ว่าจะสามารถเป็นประตูที่เชื่อมต่อการท่องเที่ยวจากจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเมืองหลัก ไปยังเมืองรองต่างๆ ในจังหวัดใกล้เคียงได้อีกด้วย” นางวัลลภา กล่าว
ทั้งนี้ บริษัท ดุสิตธานี พร็อพเพอร์ตี้ส์ รีท จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์ (REIT Manager) ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี (DREIT) ได้มีมติขายโรงแรมดุสิต ดีทู เชียงใหม่ (D2CM) ให้กับบริษัท ทรัพย์ ทีซีซี โฮเทล เชียงใหม่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC มูลค่า 435 ล้านบาท โดยกองทรัสต์จะจัดการประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยทรัสต์ เพื่อพิจารณาอนุมัติมติดังกล่าวในวันที่ 27 มกราคม 2565 โดยหลังจากดำเนินการทำสัญญาซื้อขายเรียบร้อยแล้ว กลุ่มดุสิตธานีจะยังคงบริหารงานโรงแรมดุสิต ดีทู เชียงใหม่ ต่อเนื่องเพื่อต้อนรับการกลับของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ที่เริ่มคืนกลับสู่สถานการณ์ที่ดีขึ้น โดยมั่นใจว่าความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในครั้งนี้จะสามารถตอบโจทย์การเดินทางของกลุ่มนักเดินทางที่ต้องการพักในทำเลย่านใจกลางเมืองที่สะดวกสบายต่อการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ หรือแหล่งธุรกิจต่างๆ ของจังหวัดเชียงใหม่ โดย AWC มีแผนจะพัฒนาโรงแรมดุสิต ดีทู เชียงใหม่ ให้เป็นหนึ่งในพอร์ตโฟลิโอ คุณภาพที่สามารถเชื่อมโยงกับโครงการคุณภาพต่างๆ ในเชียงใหม่และในเครือทั่วประเทศต่อไป