คำถามที่พบบ่อย
บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติตามงบการเงินรวมของบริษัทหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และหลังหักเงินสำรองต่าง ๆ ตามที่กฎหมายและบริษัทกำหนดไว้ในแต่ละปี โดยจำนวนเงินปันผลที่จ่ายจะต้องไม่เกินกว่ากำไรสะสมของงบการเงินเฉพาะกิจการ
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทอาจกำหนดการจ่ายเงินปันผลและอัตราการจ่ายเงินปันผลที่แตกต่างไปจากอัตราที่กำหนดไว้นี้ได้ โดยคำนึงถึงผลการดำเนินงาน ฐานะทางการเงิน กระแสเงินสด เงินทุนหมุนเวียน แผนการลงทุนและการขยายธุรกิจ สภาพตลาด ภาระหนี้สิน เงื่อนไขและข้อจำกัดตามที่กำหนดไว้ในสัญญากู้ยืมเงิน และความเหมาะสมอื่น ๆ ในอนาคตของบริษัทรวมทั้งความจำเป็น ตลอดจนปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งคณะกรรมการบริษัทพิจารณาเห็นสมควร
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการจ่ายเงินปันผล และเงินปันผลที่จ่ายในรอบผลประกอบการที่ผ่านมาได้ที่ https://www.assetworldcorp-th.com/th/investor-relations/shareholder-information/dividend-policy-and-payment
บริษัทเป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัททีซีซี ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจชั้นนำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจรในประเทศไทย อันประกอบไปด้วยกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ (Hospitality) กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้า (Retail & Wholesale) และกลุ่มธุรกิจอาคารสํานักงาน (Office) ด้วยความมุ่งมั่นจะทําให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวระดับโลกอย่างแท้จริง บริษัทดําเนินธุรกิจด้วยพอร์ตโฟลิโอของสินทรัพย์คุณภาพที่ผ่านการคัดสรรเป็นอย่างดีมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ และยังพร้อมด้วยผู้นำการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่หลากหลาย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มของเงินลงทุนในระยะยาวอันนําไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ (Hospitality) บริษัทเป็นผู้พัฒนาและเป็นเจ้าของกลุ่มทรัพย์สินโรงแรมที่โดดเด่นและได้รับรางวัลต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย สามารถแบ่งประเภทธุรกิจได้ดังนี้
- โรงแรมกลุ่ม MICE และโรงแรมกลุ่มที่่เน้นบริการด้านอาหารและเครื่องดื่ม ได้แก่
- โรงแรม แมริออท มาร์คีส์ ควีนปาร์ค
- โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเลคชั่น โฮเทล
- โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก
- โรงแรม แบงค็อกแมริออท เดอะ สุรวงศ์
- โรงแรมในกรุงเทพฯ ได้แก่
- โรงแรมฮิลตัน สุขุมวิท กรุงเทพฯ
- โรงแรมดับเบิ้ลทรี ฮิลตัน สุขุมวิท กรุงเทพฯ
- โรงแรมเลอ เมอริเดียน กรุงเทพฯ
- โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ เอ็กซ์เพรส กรุงเทพฯ สาทร
- รีสอร์ที่ระดับลักซ์ชูรี ได้แก่
- โรงแรมบันยันทรี เกาะสมุย
- โรงเรมบันยันทรี กระบี่
- โรงแรม วนาเบลล์ เอ ลักซ์ชูรี่ คอลเลคชั่น รีสอร์ท เกาะสมุย
- โรงแรมอื่น ๆ นอกกรุงเทพฯ ได้แก่
- โรงแรมเลอ เมอริเดียน เชียงใหม่
- โรงแรม เชอราตัน สมุย รีสอร์ท
- โรงแรม คอร์ทยาร์ด บาย แมริออท ภูเก็ต ทาวน์
- โรงแรม ภูเก็ต แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา, ในยางบีช
- โรงเเรมมีเลีย เกาะสมุย
- โรงแรม หัวหิน แมริออท รีสอร์ท และ สปา
- โรงเเรมมีเลีย เชียงใหม่
กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการค้าปลีก (Retail) บริษัทเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ดำเนินงานสร้างสรรค์แหล่งชอปปิ้งและสถานที่ท่องเที่ยวแนวไลฟ์สไตล์แบบร่วมสมัยโดยสามารถแบ่งประเภทธุรกิจได้ดังนี้
- ศูนย์การค้าเพื่อการท่องเที่ยว ได้แก่ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์
- คอมมูนิตี้ชอปปิ้งมอลล์ ได้แก่
- ศูนย์การค้าเกทเวย์ แอท บางซื่อ
- ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน
- ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ เชียงใหม่
- ศูนย์การค้าเกทเวย์ เอกมัย
- คอมมูนิตี้ มาร์เก็ต ได้แก่
- ศูนย์การค้าตะวันนา บางกะปิ
- ลาซาล อเวนิว
- ศูนย์การค้าคอมมูนิตี้ มาร์เก็ต บางกะปิ
กลุ่มธุรกิจอาคารสํานักงาน (Commerical) บริษัทพัฒนาโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบมิกซ์ยูส (Mixed-use) ที่มีผู้เช่าประเภทสำนักงานและร้านค้าปลีก โดยบริษัทเป็นเจ้าของและดำเนินงานอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ในกรุงเทพฯ จำนวน 4 แห่งได้แก่
- อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์
- อาคารแอทธินี ทาวเวอร์
- อาคาร 208 วายเลสโร้ด
- อาคาร อินเตอร์ลิงค์ ทาวเวอร์
บริษัทมุ่งมั่นที่จะเสริมความแข็งแกร่งของบริษัทในฐานะผู้พัฒนา เจ้าของ และผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทยในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ (Hospitality) และกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Retail, Wholesale and Commercial) โดยดำเนินกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจดังนี้
- เป็นผู้ลงทุน พัฒนา บริหารอสังหาริมทรัพย์ ไม่เป็นผู้ประกอบการ
- มุ่งเน้นโครงการขนาดใหญ่ (มิกซ์ยูส)
- มุ่งเน้นลูกค้ากลุ่มรายได้ระดับกลางถึงสูง
- ดึงพันธมิตรระดับโลก
- เป็นผู้นำตลาด สร้างประสบการณ์ใหม่ให้วงการ
- เน้นกระจายฐานลูกค้าจากทั่วโลก และกลยุทธ์กระจายประเภทธุรกิจย่อย รวมทั้งกระจายการลงทุนในเมืองหลักต่างๆ
- พัฒนาและดำเนินธุรกิจเพื่อเติบโตอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อม และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อคุณค่าองค์รวม
- เติบโตก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง
- สร้างศักยภาพการบริหารทรัพย์สินที่พัฒนาเสร็จแล้ว
- สร้างศักยภาพในการพัฒนาโครงการให้แข็งแรง
ด้วยวิสัยทัศน์ของบริษัทที่มุ่งมั่นเพื่อสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่า หรือ Building a Better Future เราจึงให้ความสำคัญต่อการดำเนินงานตามหลักการของความยั่งยืน โดยมีประเด็นด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เป็นสามเสาหลักของการดำเนินงาน นอกจากการดำเนินงานตามหลักการของความยั่งยืนแล้ว เรายังได้กำหนดกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนองค์กรขึ้น เพื่อเป็นแนวทางการดำเนินงานของเรา โดยกลยุทธ์ดังกล่าวมีดังนี้ Better Planet, Better People, และ Better Prosperity ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นประเด็นหลักที่บริษัทให้ความสำคัญเท่าเทียมกัน
บริษัทมีนโยบายที่จะพัฒนาโครงการใหม่ ซึ่งเป็น Flagship development project อาทิเช่น โครงการ Asiatique District และ Aquatique District เป็นต้น ให้ได้รับการรับรองอาคารสีเขียวตามมาตรฐานสากลเช่น LEED, WELL, และ EDGE ส่วนอาคารเดิมที่มีอยู่แล้ว บริษัทก็มีนโยบายสนับสนุนให้มีการปรับปรุงเพื่อเข้ารับการรับรองอาคารสีเขียวเช่นกัน
เพื่อบรรลุเป้าหมายของการเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutrality จำเป็นต้องมีการนำโครงการต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ เพื่อรักษาไว้ซึ่งประสิทธิภาพในการบริหารจัดการการใช้พลังงานไฟฟ้าทั่วทั้งองค์กร โดยโครงการสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
กลุ่มโครงการจัดการการดำเนินงาน เช่น การปรับเพิ่มอุณหภูมิ 1 องศาฟาเรนไฮต์ของเครื่องทำน้ำเย็น การปิดเครื่องส่งลมเย็น/เครื่องปรับอากาศบริเวณห้องโถงในเวลากลางคืน และการจัดการเปิดปิดแสงสว่าง เป็นต้น
กลุ่มโครงการระยะสั้น เช่น การเปลี่ยนหลอดไฟเป็นแบบแอลอีดี และการปรับเวลาหรี่แสงสว่างภายในอาคารให้เหมาะสม เป็นต้น
กลุ่มโครงการระยะยาว เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพระบบทำความร้อน การระบายอากาศและเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น